แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เด็กหญิง พ. ประจักษ์พยานโจทก์เบิกความว่า คืนเกิดเหตุผู้เสียหายได้ไปดูโทรทัศน์ที่บ้านของ ด. พยานเข้านอนเวลา19 นาฬิกาเศษ ต่อมาได้ยินเสียงคนเดินจึงตื่นขึ้น เห็นจำเลยมาที่หัวนอนเปิดมุ้งแล้วหยิบเอาวิทยุเทปไป แต่ตามแผนที่เกิดเหตุปรากฏว่าวิทยุไม่ได้วางที่หัวนอนและ ท.พยานโจทก์อีกปากหนึ่งเบิกความว่าวันเกิดเหตุเวลา 22 นาฬิกาผู้เสียหายมาแจ้งว่าสงสัย ช.ขโมยวิทยุเทปไปเมื่อท. บอกว่าช. ดื่มสุราอยู่กับตน ผู้เสียหายจึงบอกว่าถ้าอย่างนั้นสงสัยจำเลยเอาไป แสดงว่าในคืนเกิดเหตุผู้เสียหายไม่ทราบว่าใครลักเอาวิทยุเทปของผู้เสียหายไป คำเบิกความของเด็กหญิง พ. จึงไม่มีน้ำหนักพอฟังลงโทษจำเลยได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่5) พ.ศ. 2525มาตรา 11 ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 3,500 บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5)พ.ศ.2525 มาตรา 11 จำคุก 2 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์3,500 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า’ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 28พฤษภาคม 2527 เวลา 21 นาฬิกาเศษ คนร้ายได้เข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยของนางประเชิญ ชื่นอารมย์ ผู้เสียหายโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วลักเอาวิทยุเทป 1 เครื่อง ราคา 3,500 บาทของผู้เสียหายไปโดยทุจริต ที่โจทก์ฎีกาว่า ตามคำเบิกความของเด็กหญิงเพ็ญศรีประจักษ์พยานโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องนั้น ตามคำเบิกความของเด็กหญิงเพ็ญศรีชื่นอารมย์ ประจักษ์พยานโจทก์ว่า คืนเกิดเหตุผู้เสียหายได้ไปดูโทรทัศน์ที่บ้านของนายเดื่อ พยานเข้านอนเวลา 19 นาฬิกาเศษนอนไม่หลับ ต่อมาได้ยินเสียงคนเดินจึงตื่นขึ้น เห็นจำเลยมาที่หัวนอน เปิดมุ้งและหยิบเอาวิทยุเทปไป แต่ตามแผนที่เกิดเหตุเอกสารหมาย จ. 2 ลำโพงและวิทยุเทปวางอยู่บนเตียงใต้ถุนบ้านที่จุดหมายเลข 2 และ 3 ไม่ได้วางอยู่ที่หัวนอนภายในมุ้งที่เด็กหญิงเพ็ญศรีนอนซึ่งขัดกับคำเบิกความของเด็กหญิงเพ็ญศรีผู้เสียหายว่าเมื่อกลับไปถึงบ้านเห็นวิทยุหายไป สอบถามเด็กหญิงเพ็ญศรีบอกว่าเห็นจำเลยเอาวิทยุเทปไปจึงไปสอบถามจำเลย เมื่อจำเลยบอกว่าไม่ได้เอาไปจึงได้ไปแจ้งต่อนายทันผู้ใหญ่บ้าน นายทัน นาคเถื่อน ผู้ใหญ่บ้านเบิกความว่า วันเกิดเหตุเวลา 22 นาฬิกา ผู้เสียหายมาแจ้งว่าวิทยุเทปของผู้เสียหายได้หายไป สงสัยนายเชยขโมยไป เมื่อพยานบอกว่านายเชยได้ไปดื่มสุราอยู่กับพยาน ผู้เสียหายจึงบอกว่าถ้าอย่างนั้นสงสัยจำเลยเอาไปตามคำเบิกความของนายทันแสดงว่าในคืนเกิดเหตุผู้เสียหายไม่ทราบว่าใครลักเอาวิทยุเทปของผู้เสียหายไป คำเบิกความของเด็กหญิงเพ็ญศรีประจักษ์พยานโจทก์ที่ว่าเห็นจำเลยหยิบเอาวิทยุเทปของผู้เสียหายไปจึงไม่มีน้ำหนักพอที่จะเชื่อถือได้พยานหลักฐานโจทก์ไม่เพียงพอที่จะฟังลงโทษจำเลยได้ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืน.