แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การขอให้ยึดหรืออายัดทรัพย์ของจำเลยในคดีล้มละลายในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ มิใช่การขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 264 แต่เป็นการขอให้ศาลยึดหรืออายัดทรัพย์ของจำเลยไว้ก่อนพิพากษาตาม มาตรา 254 ซึ่ง พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 17 บัญญัติให้ขอพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยชั่วคราวไว้โดยเฉพาะแล้ว โดยต้องขอก่อนศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด จึงนำบทบัญญัติว่าด้วยการยึดหรืออายัดทรัพย์ของจำเลยก่อนพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาใช้บังคับไม่ได้.
ย่อยาว
กรณีสืบเนื่องมาจาก โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณา โดยขอให้ยึดหรืออายัดทรัพย์ของจำเลย
จำเลยไม่ยื่นคำคัดค้าน
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาว่ามีเหตุสมควรยึดหรืออายัดทรัพย์สินของจำเลยเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 3 หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 17 บัญญัติว่า “ก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์จะยื่นคำขอฝ่ายเดียวโดยทำเป็นคำร้อง ขอให้พิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ชั่วคราวก็ได้ เมื่อศาลได้รับคำร้องนี้แล้วให้ดำเนินการไต่สวนต่อไปโดยทันที ถ้าศาลเห็นว่าคดีมีมูล ก็ให้สั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ชั่วคราว…” ซึ่งจะขอได้ก็แต่ในกรณีก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดเท่านั้น และเมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว มาตรา 19 วรรคแรก บัญญัติว่า “คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ให้ถือเสมือนว่าเป็นหมายของศาลให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ายึดดวงตรา สมุดบัญชีและเอกสารของลูกหนี้ และบรรดาทรัพย์สินซึ่งอยู่ในความครอบครองของลูกหนี้หรือของผู้อื่นอันอาจแบ่งได้ในคดีล้มละลาย” นอกจากนี้การดำเนินกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายนั้น พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153บัญญัติว่า “…ส่วนใดที่พระราชบัญญัตินี้มิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม” คดีนี้โจทก์ขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ยึดและอายัดทรัพย์ของจำเลยไว้ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์ภาค 3 แม้โจทก์จะอ้างว่าเป็นการขอคุ้มครองประโยชน์ตามมาตรา 264 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ประกอบด้วยมาตรา 153 พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ก็ตาม แท้จริงก็เป็นการขอให้ศาลยึดทรัพย์ของจำเลยไว้ก่อนพิพากษานั่นเอง ซึ่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มีบทบัญญัติไว้โดยเฉพาะดังกล่าวมาแล้ว จึงจะนำบทบัญญํติว่าด้วยการยึดทรัพย์ของจำเลยก่อนพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับไม่ได้ และตามคำร้องของโจทก์ก็มิใช่เป็นการขอให้คุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณาที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งให้ยกคำร้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.