คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3721/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 2 ปี จำเลยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเบิกความในคดีก่อนทำให้ฟังว่าโจทก์ได้ร่วมกระทำผิดฐานฆ่า พ.ซึ่งเป็นความเท็จ การที่จำเลยฎีกาว่าข้อเท้จจริงมีการแทง พ.ถึงแก่ความตายจริง ส่วนผู้ที่แทง พ.นั้น เนื่องจากเกิดเหตุเวลากลางคืน และมีเหตุชุลมุน จำเลยเห็นเหตุการณ์ไม่ถนัด ทำให้จำเลยเบิกความไปตามที่ตนเข้าใจว่า ด. เป็นคนแทงซึ่งไม่เกี่ยวกับโจทก์ เพราะจำเลยไม่ได้เบิกความว่าโจทก์ร่วมกับพวกฆ่า พ. ไม่ทำให้โจทก์ได้รับผลจากคำเบิกความของจำเลยแต่ประการใดนั้น เท่ากับจำเลยประสงค์ให้ศาลฎีการับฟังข้อเท็จจริงว่าคำเบิกความของจำเลยไม่เป็นความเท็จ อันเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๕, ๑๗๗, ๙๑
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๕, ๑๗๗ เรียงกระทงลงโทษฐานฟ้องเท็จ จำคุก ๑ ปี ฐานเบิกความเท็จ จำคุก ๓ ปี จำเลยที่ ๔ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๗ ให้จำคุก ๒ ปี ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๓
จำเลยที่ ๑ และที่ ๔ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๔ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ ๔ มีกำหนด ๒ ปี จำเลยที่ ๔ จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงมาว่า จำเลยที่ ๔ ได้เบิกความในคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๑๐๓/๒๕๒๕ ของศาลชั้นต้นว่า จำเลยที่ ๔ เห็นนายแห้งชักมีดปลายแหลมออกมาเงื้อทำท่าคล้ายจะแทงโจทก์ แล้วเห็นโจทก์หลบเข้าไปกอดด้านหลังนายพิชัย โดยรัดแขนนายพิชัยแนบตัวไว้ให้นายแดงใช้มีดแทงนายพิชัยที่อกด้านขวา ๑ ทีคำเบิกความของจำเลยที่ ๔ ดังกล่าวทำให้ฟังว่าโจทก์ได้ร่วมกระทำผิดฐานฆ่านายพิชัย ซึ่งเป็นความเท็จ การที่จำเลยที่ ๔ ฎีกาว่า ข้อเท็จจริงมีการแทงนายพิชัยถึงแก่ความตายจริง ส่วนผู้ที่แทงนายพิชัยนั้น เนื่องจากเหตุเกิดเวลากลางคืน และมีเหตุชุลมุน จำเลยที่ ๔ เห็นเหตุการณ์ไม่ถนัด ทำให้จำเลยที่ ๔ เบิกความไปตามที่ตนเข้าใจว่านายแดงเป็นคนแทงซึ่งไม่เกี่ยวกับโจทก์ เพราะจำเลยไม่ได้เบิกความว่าโจทก์ร่วมกับพวกฆ่านายพิชัย ไม่ทำให้โจทก์ได้รับผลจากคำเบิกความของจำเลยที่ ๔ แต่ประการใดนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ฎีกาของจำเลยดังกล่าว เท่ากับประสงค์จะให้ศาลฎีการับฟังข้อเท็จจริงว่า คำเบิกความของจำเลยที่ ๔ ไม่เป็นความเท็จ อันเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว
พิพากษายกฎีกาของจำเลยที่ ๔

Share