แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
น้าของเจ้ามฤดกเป็นทายาทของเจ้ามฤดกตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1629 (6) อยู่แล้ว แม้จะตายไปก่อนเจ้ามฤดก ผู้สืบสันดานของเขา ย่อมมีสิทธิรับมฤดกแทนที่ ตามมาตรา 1639 โดยตรง
การที่จำเลยไปร้องขอต่อศาลให้ตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมฤดกนั้น จำเลยได้ปกปิดความจริงอันควรบอกให้ชัดแจ้งว่า ทายาทโดยธรรมของผู้ตาย ยังคงมีตัวอยู่ถึง 3 คน แสดงความไม่สุจริตของจำเลยมาตั้งแต่ต้น และเมื่อได้รับตั้งเป็นผู้จัดการมฤดกแล้ว จำเลยก็ไม่ปรารถนาที่จะทำบัญชีทรัพย์มฤดกตามหน้าที่ที่กฎหมายบังคับไว้ในมาตรา 1728,1729 ซ้ำในชั้นศาล ในคดีนี้จำเลยก็ยังคงยืนยันว่าโจทก์ไม่ใช่ทายาทโดยธรรม ที่จะได้รับมฤดก ย่อมเป็นการสมควรทุกประการที่ศาลจะถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมฤดกเสียตามมาตรา 1731.
คดีที่ทายาทเรียกร้องเอาทรัพย์สินอันเป็นกรรมสิทธิตกทอดแก่ตนโดยขอให้ถอดถอนผู้จัดการมฤดกเสียก่อนโดยจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมฤดกเป็นผู้ที่ไม่มีสิทธิในกองมฤดกที่จะยึดถือทรัพย์สินอันเป็นมฤดกนั้นไว้อย่างไรได้ แม้จำเลยจะยังคงเป็นผู้จัดการมฤดกอยู่ จำเลยก็ต้องรับผิดต่อทายาทตามมาตรา 1720 โดยลักษณะตัวแทนตัวการ จำเลยจะยกฐานะผู้จัดการมฤดกมาต่อสู้อายุความกับทายาทตามมาตรา 1754, 1755 หาได้ไม่
คดีเกี่ยวกับการจัดการมฤดก ผู้จัดการมฤดกจะยกอายุความ ขึ้นต่อสู้ทายาทได้ก็แต่มาตรา 1733 วรรค 2 ซึ่งมีกำหนด 5 ปี นับแต่การจัดการมฤดกสุดสิ้นลง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่า โจทก์เป็นทายาทโดยธรรมรับมฤดกของนางสาวอุไรผู้ตายตาม ก.ม. และให้ถอนอำนาจจัดการมฤดกของนางสาวอุไรจากจำเลยและให้จำเลยส่งทรัพย์ตามบัญชีท้ายฟ้องแก่โจทก์ ถ้าไม่สามารถ ก็ให้ใช้ราคา ๑๔๗๐๐ บาท จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์ไม่ใช่ทายาทโดยธรรม และไม่มีสิทธิรับมฤดกของนางสาวอุไร จำเลยมิได้กระทำผิดหน้าที่ผู้จัดการมฤดก และมิได้ปิดบังทรัพย์มฤดกของนางสาวอุไรไว้เพราะทรัพย์ดังกล่าวไม่มีอยู่ที่จำเลย ที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยเป็นแต่เพียงไปร้องขอให้พนักงานอัยยการร้องแทนจำเลยต่อศาลข้อตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมฤดกเท่านั้น และตัดฟ้องว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ วันชี้สองสถานโจทก์รับว่า บัญชีเครือญาติท้ายฟ้องถูกต้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าโจทก์เป็นทายาทโดยธรรมมีสิทธิได้รับมฤดกของนางสาวอุไรตามกฎหมาย ให้ถอนจำเลยออกจากผู้จัดการมฤดกของนางสาวอุไร ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำเลยส่งทรัพย์ตามบัญชีท้ายฟ้องให้โจทก์ ถ้าส่งไม่ได้ ก็ให้ใช้ราคา
จำเลยฎีกา,
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
(๑) จำเลยฎีกาว่า การรับมฤดกของนายเถียร ซึ่งเป็นน้าของเจ้ามฤดกจะมีสิทธิได้ก็ต้องเป็นขณะที่นายเถียรมีชีวิตอยู่ขณะเมื่อเจ้ามฤดกตาย แต่นายเถียรได้ตายไปก่อนเจ้ามฤดก โจทก์ซึ่งเป็นบุตรนายเถียรก็ไม่มีทางจะเข้ารับมฤดกแทนที่นายเถียรได้นั้น เห็นว่าฟังไม่ได้เพราะนายเถียรก็เป็นทายาทของเจ้ามฤดกตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา ๑๖๒๙ (๖) อยู่แล้ว โจทก์ซึ่งเป็นผู้สืบสันดานของนายเถียรย่อมมีสิทธิรับมฤดกแทนที่ ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๖๓๙ โดยตรง
(๒) การที่จำเลยไปร้องขอต่อศาลให้ตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมฤดกนั้น จำเลยก็ได้ปกปิดความจริง อันควรบอกแจ้งว่าทายาทโดยธรรมของผู้ตายยังคงมีตัวอยู่ถึง ๓ คน แสดงความไม่สุจริตของจำเลยมาตั้งแต่ต้น และเมื่อได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมฤดกแล้ว จำเลยก็ไม่ปรารถนาที่จะทำบัญชีทรัพย์มฤดกตามหน้าที่ ๆ ก.ม. บังคับไว้ในมาตรา ๑๗๒๘,๑๗๒๙ ซ้ำในใจชั้นศาลคดีนี้จำเลยก็คงยืนยันว่า โจทก์ไม่ใช่ทายาทโดยธรรมที่จะได้รับมฤดก ย่อมเป็นการสมควรทุกประการที่ศาลจะถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมฤดกเสียตามมาตรา ๑๗++
(๓) เรื่องอายุความ คดีเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทายาทจะเรียกร้องเอาทรัพย์สินอันเป็นกรรมสิทธิตกทอดแก่ตน โดยขอให้ถอดถอนผู้จัดการมฤดกเสียก่อน แต่ถึงอย่างไรก็ดี จำเลยก็เป็นผู้ไม่มีสิทธิในกองมฤดก ที่จะยึดถือทรัพย์สิน อันเป็นมฤดกนั้นไว้อย่างไรได้ แม้จำเลยจะยังคงเป็นผู้จัดการมฤดกอยู่ จำเลยก็ต้องรับผิดต่อทายาทตามมาตรา ๑๗๒๐ โดยลักษณะตัวแทนตัวการ จำเลยจะยกฐานะผู้จัดการมฤดกมาต่อสู้กับทายาทตามบทบัญญัติแห่งมาตรา ๑๗๕๔,๑๗๕๕ ที่จำเลยอ้างหาได้ไม่ คดีนี้เป็นคดีเกี่ยวกับการจัดการมฤดก ผู้จัดการมฤดกจะยกอายุความขึ้นต่อสู้ทายาทได้ก็แต่ตามมาตรา ๑๗๓๓ วรรค ๒ ซึ่งมีกำหนด ๕ ปี นับแต่การจัดการมฤดกสิ้นสุดลง ซึ่งในกรณีนี้ อายุความยังหาได้ตั้งต้นนับไม่.
พิพากษายืน