คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3716/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ในชั้นไต่สวนอนาถา โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานและบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 1 ไว้ แม้บัญชีระบุพยานดังกล่าวโจทก์จะได้พิมพ์ข้อความต่อท้ายบัญชีพยานว่า “ไต่สวนอนาถา” แต่ในชั้นพิจารณาก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ยื่นคำแถลงขอระบุพยานเพิ่มเติมพร้อมกับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 2 ต่อศาลชั้นต้นอีก แสดงว่าโจทก์ประสงค์จะถือเอาบัญชีระบุพยานทั้งสองฉบับที่ยื่นไว้ในชั้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาเป็นบัญชีระบุพยานของโจทก์ในชั้นพิจารณาด้วย ย่อมถือได้ว่าโจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 แล้ว โจทก์ชอบที่นำพยานตามบัญชีระบุพยานดังกล่าวมาสืบได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายอันเนื่องมาจากการกระทำละเมิดให้แก่โจทก์ทั้งสองเป็นเงิน 608,500บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาตั้งแต่ชั้นสืบพยานโจทก์เป็นต้นไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีจำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า บัญชีระบุพยานฉบับลงวันที่ 6 มกราคม 2531 และบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 1ลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2531 ของโจทก์ระบุไว้ชัดเจนว่า ไต่สวนอนาถาแสดงว่า บัญชีระบุพยานดังกล่าวใช้เฉพาะชั้นไต่สวนอนาถาเท่านั้นจะนำไปใช้ในชั้นพิจารณาด้วยไม่ได้ เมื่อโจทก์มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานในชั้นพิจารณา ก็ต้องถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบดังคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น เห็นว่า ในชั้นไต่สวนอนาถา โจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานฉบับลงวันที่ 6 มกราคม 2531 และได้ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 1 ลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2531 ไว้ แม้บัญชีระบุพยานดังกล่าวโจทก์จะได้พิมพ์ข้อความต่อท้ายบัญชีพยานว่า “ไต่สวนอนาถา”แต่ในชั้นพิจารณา ก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ได้ยื่นคำแถลงขอระบุพยานเพิ่มเติมพร้อมกับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 2อีก 10 อันดับ ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2531 ต่อศาลชั้นต้น ซึ่งแสดงว่าโจทก์ยังประสงค์จะถือเอาบัญชีระบุพยานทั้งสองฉบับที่ยื่นไว้ในชั้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาเป็นบัญชีระบุพยานของโจทก์ในชั้นพิจารณาด้วย หาใช่ใช้เฉพาะชั้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาดังที่จำเลยฎีกาไม่ เมื่อโจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานในชั้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาไว้ ย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 แล้ว โจทก์ชอบที่จะนำพยานตามบัญชีระบุพยานดังกล่าวมาสืบได้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์มิได้ยื่นบัญชีพยานก่อนวันสืบพยานโจทก์จึงไม่ถูกต้อง ฎีกาจำเลยทั้งสองข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่จำเลยทั้งสองฎีกาข้อต่อไปว่า ศาลอุทธรณ์หยิบยกเรื่องบัญชีระบุพยานมาวินิจฉัยเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายวิธีพิจารณาความเพราะในคำแถลงคัดค้านของโจทก์มิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นเกี่ยวด้วยเรื่องบัญชีระบุพยานไว้ เห็นว่า หลังจากศาลชั้นต้นสั่งว่า”โจทก์มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันสืบพยานโจทก์ ในวันนี้โจทก์ไม่มีพยานมาศาลถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ” โจทก์ก็ได้ยื่นคำแถลงโต้แย้งคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย และต่อมาก็ได้อุทธรณ์ในเรื่องคำสั่งดังกล่าวด้วย ดังนั้น ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่ยกข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการยื่นบัญชีระบุพยานอันเป็นเหตุที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าวขึ้นเพื่อวินิจฉัยว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ได้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share