แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
แม้จะฟังเป็นความจริงว่าจำเลยพูดปราศรัยให้ประชาชนฟังและแจกจ้างวานให้ผู้สนับสนุนของจำเลยแจกและปิดประกาศใบปลิวแก่ประชาชนทั่วไป เพื่อจูงใจให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้จำเลยโดยการเสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้เงิน หรือทรัพย์สินไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมแก่กิจการสาธารณกุศลทั่ว ๆ ไปดังฟ้องก็เป็นกรณีที่จำเลยเสนอจะให้เงินและทรัพย์สินอื่นแก่กิจการสาธารณกุศล เพื่อให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือกจำเลย มิได้ห้ามมิให้เลือกโจทก์ โจทก์จึงไม่ได้รับความเสียหายโดยตรงจากการกระทำของจำเลย ถือว่าเป็นการกระทำความผิดต่อรัฐ มิใช่กระทำต่อโจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขต 1 จังหวัดพิษณุโลก จำเลยเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตเดียวกันแต่คนละพรรค เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2531 เวลากลางวัน จำเลยพูดปราศรัยให้ประชาชนฟังที่บริเวณมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒพิษณุโลก ว่า “หากตนได้รับเลือกเป็นผู้แทนราษฎรของจังหวัดพิษณุโลก จะไม่ขอรับเงินเดือนผู้แทนจำนวน 18,000 บาทโดยจะขอมอบคืนให้ประชาชนสร้างสรรพสิ่งสาธารณประโยชน์แก่ท้องถิ่นจังหวัดพิษณุโลก และจะมอบเงินส่วนตัวให้อีก 12,000 บาทรวมเป็น 30,000 บาท ไว้สำหรับใช้ในกิจการสาธารณกุศลต่อไป นอกจากนี้จะจัดซื้อรถยนต์จำนวน 2 คันด้วยเงินส่วนตัวสำหรับไว้ใช้บริการคนเจ็บ คนป่วย และคนตายในยามทุกข์ยาก โดยไม่คิดค่าบริการใด ๆทั้งสิ้น” และเมื่อระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน 2531 ติดต่อกันมาจนถึงวันฟ้องวันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยได้แจก จ้างวานให้ผู้สนับสนุนของจำเลยหลายคนแจกและปิดประกาศใบปลิวให้แก่ประชาชนทั่วไปในเขตจังหวัดพิษณุโลก โดยใบปลิวเหล่านั้นมีข้อความทำนองเดียวกับที่จำเลยพูดปราศรัยให้ประชาชนฟังดังกล่าวตามเอกสารท้ายฟ้องการกระทำของจำเลยเป็นการเจตนาเพื่อจูงใจให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ตนเองโดยการเสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้เงินหรือทรัพย์สินไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมแก่กิจการสาธารณกุศลทั่ว ๆ ไป ทำให้โจทก์และผู้สมัครอื่น ๆเสียหายเหตุเกิดที่ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลกขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ. 2522 มาตรา 35, 84
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้วจึงสั่งงดไต่สวนมูลฟ้องและวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522มาตรา 35 บัญญัติห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจะจูงใจให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่นหรือให้งดเว้นมิให้ลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครใดด้วยวิธีการดังนี้ (1) จัดทำ ให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด (2) ให้เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงินหรือทรัพย์สินอื่นไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม แก่สมาคม มูลนิธิ วัด สถาบันการศึกษา หรือสถานสงเคราะห์อื่นใด การกระทำของจำเลยดังฟ้องแม้จะฟังว่าเป็นความจริง ก็เป็นกรณีที่จำเลยเสนอจะให้เงินและทรัพย์สินอื่นแก่กิจการสาธารณกุศลเพื่อให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำเลย มิได้ห้ามมิให้เลือกโจทก์โจทก์จึงไม่ได้รับความเสียหายโดยตรงจากการกระทำของจำเลย ถือว่าเป็นการกระทำความผิดต่อรัฐมิใช่กระทำต่อโจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน