แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ในคืนเกิดเหตุจำเลยซึ่งไม่มีอาวุธอะไรติดตัวได้เข้ามาเรียกผู้เสียหายที่หน้าประตูบ้านของผู้เสียหาย ให้ออกมาพูดกันให้รู้เรื่อง ผู้เสียหายไม่ออกไป แต่บอกให้จำเลยกลับไป พรุ่งนี้เช้าค่อยมาพูดกันใหม่ จำเลยก็ไม่กลับเช่นนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะมาปรับความเข้าใจกับผู้เสียหายเกี่ยวกับเรื่องจำเลยสอบถามจะซื้อรถเข็นที่ทราบว่าผู้เสียหายจะขาย และข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยไปมาหาสู่บ้านผู้เสียหายบ่อยครั้ง จึงถือได้ว่าผู้เสียหายได้อนุญาตให้จำเลยเข้าออกในที่ดินและบ้านเรือนของผู้เสียหายได้เสมอ ที่ผู้เสียหายบอกให้จำเลยกลับบ้านไปพรุ่งนี้ค่อยมาพูดกันมิใช่หมายความว่าผู้เสียหายไล่จำเลยออกไปจากที่ดินและบ้านเรือนของผู้เสียหายเป็นเพียงแต่ผู้เสียหายขอให้จำเลยเลื่อนไปพูดจาปรับความเข้าใจกันในวันรุ่งขึ้นเท่านั้น จำเลยจึงมีเหตุอันสมควรที่จะเข้าไปในที่ดินและเคหสถานของผู้เสียหาย ไม่มีความผิดฐานบุกรุก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีมีดพร้าบุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหายโดยไม่มีเหตุอันสมควร จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(3) จำคุก 1 ปี ปรับ 2,000 บาทโทษจำคุก รอไว้ 2 ปี จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยซึ่งไม่มีอาวุธอะไรได้เข้ามาเรียกผู้เสียหายที่หน้าประตูบ้านของผู้เสียหายในคืนเกิดเหตุแต่ข้อความที่จำเลยเรียกผู้เสียหายกับคำพูดโต้ตอบระหว่างจำเลยกับผู้เสียหายนั้น นางบุญชิดภริยาผู้เสียหายเบิกความว่า จำเลยพูดว่า เชียร ๆ ออกมาพูดกันให้รู้เรื่อง ผู้เสียหายไม่ออกไป แต่บอกให้จำเลยกลับไปพรุ่งนี้เช้าค่อยมาพูดกันใหม่ จำเลยก็ไม่กลับ เช่นนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะมาปรับความเข้าใจกับผู้เสียหายเกี่ยวกับเรื่องจำเลยสอบถามจะซื้อรถเข็นที่ทราบว่าผู้เสียหายจะขาย ซึ่งสืบเนื่องมาจากผู้เสียหายกับจำเลยทะเลาะโต้เถียงกันเมื่อเวลาประมาณ 17 นาฬิกา ก่อนเกิดเหตุและตามคำนางบุญชิดภริยาผู้เสียหายยังได้ความต่อไปว่าจำเลยเคยไปมาหาสู่บ้านผู้เสียหายบ่อยครั้ง จึงถือได้ว่าผู้เสียหายได้อนุญาตให้จำเลยเข้าออกในที่ดินและบ้านเรือนของผู้เสียหายได้เสมอที่ผู้เสียหายบอกให้จำเลยกลับบ้านไปพรุ่งนี้ค่อยมาพูดกัน ก็มิใช่หมายความว่าผู้เสียหายไล่จำเลยออกไปจากที่ดินและบ้านเรือนของผู้เสียหาย เป็นเพียงแต่ผู้เสียหายขอให้จำเลยเลื่อนไปพูดจาปรับความเข้าใจกันในวันรุ่งขึ้นเท่านั้น จึงเห็นได้ว่าจำเลยมีเหตุอันสมควรที่จะเข้าไปในที่ดินและเคหสถานของผู้เสียหาย จำเลยมิได้มีเจตนาเข้าไปรบกวนการครอบครองที่ดินและเคหสถานของผู้เสียหายแต่ประการใดจำเลยจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์