แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ตามสัญญาจะมีข้อสัญญาว่า หากจำเลยไม่สามารถชำระเงินงวดที่สองแก่โจทก์ภายในกำหนด ยอมให้ริบเงินที่ได้ชำระไปแล้วทั้งหมดได้และสัญญาเป็นอันยกเลิก แต่ต่อมาจำเลยได้นำเงินงวดที่สองไปชำระแก่โจทก์จนครบถ้วน ทั้งยังให้โจทก์จดทะเบียนทางภาระจำยอมให้จำเลยพร้อมกับทำบันทึกกันไว้ด้านหลังสัญญาว่า ให้เลื่อนการโอนที่ดินของจำเลยไปก่อนและตราบใดที่จำเลยไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของจำเลยให้แก่โจทก์ตามข้อตกลง ให้โจทก์มีสิทธิปิดทางภาระจำยอมได้ หาได้มีการกำหนดให้มีการเลิกสัญญากันได้ให้เหมือนกับที่เคยทำกันไว้ไม่ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นเจตนาของโจทก์และจำเลยว่าไม่ประสงค์จะให้นำเอาข้อสัญญาเดิมมาใช้บังคับกันอีกต่อไป เท่ากับเป็นการสละประโยชน์แห่งเงื่อนไขในการเลิกสัญญา จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะเอาประโยชน์จากข้อสัญญาดังกล่าวที่จำเลยได้สละไปแล้ว เมื่อสัญญาระหว่างโจทก์และจำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทนและโจทก์ได้ปฏิบัติการชำระหนี้ให้จำเลยแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิที่จะให้จำเลยโอนที่ดินตามสัญญาเป็นการชำระหนี้ตอบแทนให้แก่โจทก์ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยทำสัญญากันว่าจำเลยขอใช้ทางเดินในที่ดินของโจทก์เป็นทางเข้าออกที่ดินของจำเลย โดยโจทก์ตกลงจดทะเบียนภาระจำยอมให้และจำเลยตกลงชำระเงิน ๙๐๐,๐๐๐ บาท กับโอนที่ดินของจำเลยให้แก่โจทก์เป็นการตอบแทนในวันที่โจทก์จดทะเบียนภาระจำยอมให้จำเลย ต่อมาโจทก์จดทะเบียนภาระจำยอมให้จำเลยแล้ว แต่จำเลยไม่ยอมโอนที่ดินของจำเลยให้แก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินของจำเลยให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้ผิดสัญญา ในวันที่จดทะเบียนภาระจำยอมได้มีการตกลงกันว่าถ้าจำเลยไม่โอนที่ดินให้แก่โจทก์ โจทก์ไม่ต้องเปิดทางภาระจำยอมให้แก่จำเลย จำเลยจึงมีสิทธิเลือกไม่โอนที่ดินให้แก่โจทก์ได้ ซึ่งโจทก์ก็ยอมรับปฏิบัติด้วยการไม่เปิดทางให้จำเลย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่โจทก์ และให้โจทก์เปิดให้จำเลยใช้ที่ดินภาระจำยอมที่จดทะเบียนไว้
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๒๑ โจทก์จำเลยตกลงทำสัญญาตามเอกสารหมาย จ.๑ ซึ่งมีข้อความในสัญญาข้อ ๑ ใจความว่า โจทก์จะจดทะเบียนภาระจำยอมให้จำเลยใช้ทางในที่ดินของโจทก์โดยจำเลยจะชำระเงินค่าตอบแทนในการใช้ทางให้แก่โจทก์จำนวน ๙๐๐,๐๐๐ บาท ชำระในวันทำสัญญาเป็นเงินมัดจำ ๕๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ ๘๕๐,๐๐๐ บาท ในวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๒๓ และจำเลยตกลงโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๙๖๔ ให้แก่โจทก์บางส่วนในวันจดทะเบียนภาระจำยอม ข้อ ๒ ใจความว่า หากจำเลยไม่สามารถจัดการโอนกรรมสิทธิ์และชำระเงินค่าตอบแทนให้แก่โจทก์ภายในกำหนดที่ระบุไว้ในข้อ ๑ ก็ให้โจทก์มีสิทธิรับเงินมัดจำที่วางไว้ตามสัญญาโดยไม่มีข้อต่อรองใด ๆ ทั้งสิ้น ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๒๓ โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาตามเอกสารหมาย จ.๒ เพิ่มเติมสัยญาตามเอกสารหมาย จ.๑ โดยแก้ไขกำหนดการชำระเงินจากวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๒๓ มาเป็นวันที่ทำสัญญากันจำนวน ๒๕๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก ๕๐๐,๐๐๐ บาท จะชำระในวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๒๓ หากไม่สามารถชำระภายในกำหนดดังกล่าวยินยอมให้ริบเงินที่ได้ชำระไปแล้วทั้งหมดและสัญญาเป็นอันยกเลิก ต่อมาในวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๒๓ จำเลยชำระเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท ให้แก่โจทก์ ส่วนโจทก์จดทะเบียนทางภาระจำยอมให้จำเลย แต่จำเลยยังไม่โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของจำเลยให้แก่โจทก์เพราะยังแบ่งแยกไม่เสร็จ โจทก์จำเลยจึงได้ทำบันทึกกันไว้ด้านหลังของสัญญาตามเอกสารหมาย จ.๒ ว่า ให้เลื่อนการโอนที่ดินของจำเลยไปก่อน และตราบใดจำเลยไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ตามข้อตกลงให้แก่โจทก์ โจทก์มีสิทธิไม่เปิดทางเดินให้จนกว่าจำเลยจะโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์ตามข้อตกลงแล้ว โจทก์ได้ปิดทางภาระจำยอมไว้จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๒๓ จำเลยแบ่งแยกที่ดินของจำเลยเสร็จ โจทก์จึงแจ้งให้จำเลยโอนที่ดินให้แก่โจทก์ แต่จำเลยไม่โอนให้แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยมีข้อสัญญาเป็นเงื่อนไขในการเลิกสัญญากับโจทก์ไว้ล่วงหน้าว่า หากจำเลยไม่สามารถจัดการโอนกรรมสิทธิ์และชำระเงินค่าตอบแทนให้แก่โจทก์ภายในกำหนด ก็ให้โจทก์มีสิทธิรับเงินมัดจำที่วางไว้ตามสัญญาโดยไม่มีข้อต่อรองใด ๆ ทั้งสิ้น และตามสัญญาเอกสารหมาย จ.๒ ข้อ ๑ ว่า หากไม่สามารถชำระเงินงวดที่สองได้ภายในกำหนดดังกล่าว ยินยอมให้รับเงินที่ได้ชำระไปแล้วทั้งหมดได้ และสัญญาเป็นอันยกเลิก สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาที่โจทก์ได้รับประโยชน์ฝ่ายเดียว จึงให้สิทธิจำเลยที่จะเลือกว่าจะให้โจทก์รับเงินทั้งหมดแทนการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ได้ เมื่อจำเลยยอมให้โจทก์ริบเงินที่ชำระให้โจทก์ทั้งหมดแล้วและโจทก์ไม่ได้เปิดทางภาระจำยอมให้จำเลย จำเลยจึงไม่ต้องโอนที่ดินให้แก่โจทก์นั้น เห็นว่า เงื่อนไขในการเลิกสัญญาระหว่างโจทก์และจำเลยตามสัญญาเอกสารหมาย จ.๑ ข้อ ๒ และหมาย จ.๒ ข้อ ๑ เป็นเงื่อนไขทำนองเดียวกัน เมื่อมีการแก้ไขสัญญาตามเอกสารหมาย จ.๒ ข้อ ๑ แล้ว มีผลทำให้เงื่อนไขการเลิกสัญญาตามสัญญาเอกสารหมาย จ.๑ ข้อ ๒ เป็นอันยกเลิกไป และภายหลังจากมีการเพิ่มเติมเงื่อนไขในการเลิกสัญญาตามเอกสารหมาย จ.๒ ข้อ ๑ แล้ว ข้อเท็จจริงกลับได้ความว่า จำเลยได้นำเงินงวดที่สองไปชำระให้แก่โจทก์จนครบถ้วน ทั้งยังให้โจทก์จดทะเบียนทางภาระจำยอมให้จำเลยพร้อมกับทำบันทึกกันไว้ด้านหลังของสัญญาตามเอกสารหมาย จ.๒ ว่า ให้เลื่อนการโอนที่ดินของจำเลยไปก่อนและตราบใดที่จำเลยไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของจำเลยให้ตามข้อตกลงแล้ว ให้โจทก์มีสิทธิปิดทางภาระจำยอมได้ หาได้มีการกำหนดให้มีการเลิกสัญญากันได้เหมือนกับที่เคยทำกันไว้ไม่ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นเจตนาของโจทก์และจำเลยว่าไม่ประสงค์จะให้นำเอาข้อสัญญาตามเอกสารหมาย จ.๒ ข้อ ๑ มาใช้บังคับกันอีกต่อไป เท่ากับเป็นการสละประโยชน์แห่งเงื่อนไขในการเลิกสัญญา จำเลยจึงไม่มีสิทธิจะเอาประโยชน์จากข้อสัญญาดังกล่าวที่จำเลยได้สละไปแล้ว เมื่อสัญญาระหว่างโจทก์และจำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทนและโจทก์ได้ปฏิบัติการชำระหนี้ให้จำเลยแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิที่จะให้จำเลยโอนที่ดินตามสัญญาเป็นการชำระหนี้ตอบแทนให้แก่โจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๖๙ ประกอบด้วยมาตรา ๒๑๓
พิพากษายืน