คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 371/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ตายมีสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เมื่อยกให้ผู้ร้องและได้ส่งมอบการครอบครองให้ผู้ร้องแล้ว ก็ย่อมเป็นการยกให้ที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1378ผู้ร้องย่อมได้ไปซึ่งสิทธิครอบครองโดยมิพักต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ผู้ตายยกที่ดินให้ผู้ร้องโดยวิธีส่งมอบการครอบครอง ผู้ตายจึงไม่มีหน้าที่ทางนิติกรรมที่จะต้องจดทะเบียนโอนให้แก่ผู้ร้อง เมื่อผู้ตายถึงแก่กรรม โดยไม่มีสิทธิครอบครองหรือทรัพย์สินอื่นเป็นมรดกที่จะต้องจัดการ จึงไม่จำเป็นต้องตั้งผู้จัดการมรดก

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกศาลชั้นต้นเห็นว่า ผู้ร้องมิได้มีส่วนได้เสีย และผู้ตายไม่มีมรดกจึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ตามคำร้องของผู้ร้องกล่าวว่า ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก.) เลขที่ 462 ผู้ตายได้ยกให้ผู้ร้องตั้งแต่ผู้ตายมีชีวิตอยู่ ผู้ร้องได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ตลอดมา แต่ยังมิได้โอนทางทะเบียน หลังจากผู้ตายตายแล้วผู้ร้องไปขอรับมรดกแต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถจัดการให้ได้ ต้องมีผู้จัดการมรดกเสียก่อน เห็นว่า ผู้ตายมีสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เมื่อยกให้ผู้ร้องและได้ส่งมอบการครอบครองให้ผู้ร้องแล้ว ก็เป็นการยกให้ที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1378 ผู้ร้องย่อมได้ไปซึ่งสิทธิครอบครองโดยมิพักต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ดังนั้น เมื่อผู้ตายถึงแก่กรรม ก็ไม่มีสิทธิครอบครองหรือทรัพย์สินอื่นเป็นมรดกที่จะต้องจัดการอีกต่อไป ส่วนที่ผู้ร้องอ้างว่าผู้ตายยังมีหน้าที่จดทะเบียนโอนแก่ผู้ร้องให้เสร็จสิ้นไปด้วย จึงจำต้องตั้งผู้จัดการมรดกนั้น เห็นว่าผู้ตายยกที่ดินให้ผู้ร้องโดยวิธีส่งมอบการครอบครอง ผู้ตายจึงไม่มีหน้าที่ทางนิติกรรมที่จะต้องจดทะเบียนโอนให้แก่ผู้ร้อง กรณีไม่จำเป็นต้องมีการจัดการมรดก ศาลล่างทั้งสองให้ยกคำร้องของผู้ร้องเสียนั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share