คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3705/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ข้ออ้างตามคำฟ้องของโจทก์ว่าซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 7811ซึ่งรวมที่พิพาทด้วยโดยซื้อมาประมาณ 6 ปีก่อนฟ้องคดีนี้ มิใช่ข้อที่โจทก์ยกขึ้นอ้างว่าโจทก์ได้สิทธิมาโดยมีค่าตอบแทนและโดยสุจริตอันจะทำให้โจทก์มีสิทธิดีกว่าจำเลยตามนัย ป.พ.พ. มาตรา 1299วรรคสอง การจะอ้างมาตรา 1299 วรรคสอง มาเป็นประเด็นต่อสู้ว่ามีสิทธิดีกว่าจำเลยนั้นต้องกล่าวอ้างมาในคำฟ้องโดยชัดแจ้ง เมื่อมิได้กล่าวอ้างไว้ก็ไม่มีประเด็นจะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยทั้งไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้โจทก์จะยกขึ้นอ้างมาในฎีกาก็ไม่เป็นประเด็นที่ศาลฎีกาจะขึ้นวินิจฉัยเช่นกัน.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 7811โดยซื้อมาจากนายกิติศักดิ์ กลิ่นส่ง และนางสำอางค์ มาลีหอมจำเลยทั้งสองได้ขอเข้าอาศัยทำกินในที่ดินแปลงนี้ด้านทิศใต้เนื้อที่ประมาณ 6 งาน และอยู่ต่อมาจนบัดนี้เป็นเวลา 4 ปีเศษ โจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยทั้งสองอาศัยทำกินในที่ดินส่วนนี้ต่อไป จึงได้แจ้งให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนพืชพันธุ์ออกไปจากที่ดินของโจทก์ แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองรื้อถอนพืชพันธุ์และสิ่งก่อสร้างออกจากที่พิพาทห้ามจำเลยทั้งสองเข้าเกี่ยวข้องต่อไปและให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 500 บาท
จำเลยทั้งสองให้การว่า ที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินตามโฉนดเลขที่ 7866 ที่ดินแปลงนี้เดิมเป็นของนางจ่าง ยายของจำเลยทั้งสองต่อมาปี 2491 นางจ่างได้ยกที่แปลงนี้รวมทั้งส่วนที่พิพาทให้แก่นางจี่ มารดาของจำเลยที่ 1 และนางหร่ำมารดาของจำเลยที่ 2ต่อมานางจี่กับนางหร่ำได้ยกที่ดินแปลงโฉนดเลขที่ 7866 รวมทั้งส่วนที่พิพาทนี้ให้แก่จำเลยทั้งสองเมื่อปี 2523 จำเลยทั้งสองครอบครองทำประโยชน์ในที่พิพาทโดยชอบ เปิดเผยและเจตนาเป็นเจ้าของมาตลอดซึ่งหากนับรวมตั้งแต่นางจ่างยายของจำเลยทั้งสองครอบครองทำประโยชน์ติดต่อกันมาก็เป็นเวลา 60 ปีเศษแล้ว จำเลยทั้งสองไม่เคยขออาศัยโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองออกไปจากที่ดินของโจทก์ตามรูปแผนที่พิพาทกลาง ห้ามมิให้เข้าเกี่ยวข้องในที่ดินของโจทก์พร้อมกับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและพืชพันธุ์ออกไปจากที่ดินของโจทก์ ถ้าจำเลยทั้งสองไม่ยอมปฏิบัติก็ให้โจทก์เป็นฝ่ายรื้อถอนเอง แต่ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เดือนละ 500 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสองจะออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…การที่โจทก์ฟ้องอ้างว่าซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 7811 ซึ่งรวมที่พิพาทด้วยโดยซื้อมาประมาณ 6 ปี ก่อนฟ้องคดีนี้และโจทก์ยกขึ้นฎีกาด้วยว่า การครอบครองปรปักษ์ของจำเลยตามที่จำเลยนำสืบมานั้น จะนำมาหักล้างสิทธิของโจทก์ที่รับรองโดยผลของกฎหมายคือการจดทะเบียนสิทธิแล้วมิได้นั้นเห็นว่าข้ออ้างตามคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวมิใช่ข้อที่โจทก์ยกขึ้นอ้างว่าโจทก์ได้สิทธิมาโดยมีค่าตอบแทนและโดยสุจริต อันจะทำให้โจทก์มีสิทธิดีกว่าจำเลยตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1299 วรรคสองการจะอ้างมาตรา 1299 วรรคสอง มาเป็นประเด็นต่อสู้ว่ามีสิทธิดีกว่าจำเลยนั้นต้องกล่าวอ้างมาในคำฟ้องโดยชัดแจ้ง เมื่อมิได้กล่าวอ้างไว้ก็ไม่มีประเด็นจะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยทั้งไม่ใช่ปัญหาที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้โจทก์จะยกขึ้นอ้างมาในฎีกาก็ไม่เป็นประเด็นที่ศาลฎีกาจะยกขึ้นวินิจฉัยเช่นกัน ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share