แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ผู้ร้องได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่นแล้วก็ตาม แต่วันที่ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่นดังกล่าวนับถึงวันที่ผู้ร้องสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาน้อยกว่า 90 วัน ผู้ร้องจึงเป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่ส่งสมัครเข้ารับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งเพียงพรรคเดียวนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันน้อยกว่า 90 วัน ผู้ร้องเป็นผู้ขาดคุณสมบัติการเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 107 (4)
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่ 7 จังหวัดอุบลราชธานี สังกัดพรรคชาติไทย ต่อมาผู้คัดค้านแจ้งให้ผู้ร้องทราบว่าไม่รับสมัครผู้ร้องโดยอ้างว่า ผู้ร้องมิได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งเพียงพรรคเดียว นับถึงวันสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งให้ผู้คัดค้านรับสมัครผู้ร้องและประกาศให้ผู้ร้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลฎีกาพิพากษาว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งได้ตราไว้ ณ วันที่ 11 ตุลาคม 2540 มาตรา 107 (4) ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งเพียงพรรคเดียวนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน จึงมีปัญหาวินิจฉัยก่อนว่า การลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยและพรรคมหาชนมีผลตั้งแต่เมื่อใด สำหรับการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยนั้น ปรากฏว่าพรรคไทยรักไทยได้มีหนังสือแจ้งเรื่องการขอลาออกให้ผู้ร้องทราบ แม้เอกสารดังกล่าวจะลงวันที่ 29 ธันวาคม 2547 แต่ก็มีข้อความว่า จึงขอแจ้งให้ท่านทราบว่า สมาชิกภาพของท่านจะสิ้นสุด ณ วันที่ท่านแจ้งมา โดยไม่มีข้อความว่าผู้ร้องแจ้งเมื่อใด ผู้ร้องอ้างว่าให้น้องชายไปยื่นหนังสือขอลาออก ซึ่งตามเอกสารดังกล่าวมีข้อความระบุว่า รับเรื่องและลงลายมือชื่อกัญญาวีร์ ณ นคร เป็นผู้รับเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2547 ดังนั้นจึงต้องถือว่าวันดังกล่าวเป็นโอกาสแรกที่ผู้ร้องแจ้งการขอลาออกจากการเป็นสมาชิกแก่พรรคไทยรักไทย ข้อเท็จจริงดังกล่าวประกอบหนังสือเรื่องการลาออกจากสมาชิกไทยรักไทย จึงฟังได้ว่า การลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยมีผลตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2547 ส่วนการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคมหาชนนั้น คู่ความแถลงรับกันตามหนังสือเรื่องขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคมหาชนว่า การลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคมหาชนมีผลตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2548 ดังนั้น แม้ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ร้องได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยและพรรคมหาชนมีผลนับตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2547 และวันที่ 4 มกราคม 2548 ตามลำดับแล้วก็ตาม แต่วันที่ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคดังกล่าวนับถึงวันที่ผู้ร้องสมัครรับเลือกตั้งในวันที่ 10 มกราคม 2548 ผู้ร้องจึงเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยเพียงพรรคเดียวนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันน้อยกว่า 90 วัน ผู้ร้องเป็นผู้ขาดคุณสมบัติการเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 107 (4) ที่ผู้คัดค้านไม่รับสมัครและไม่ประกาศชื่อผู้ร้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งชอบแล้ว
จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง.