แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้จำเลยจะเคยตัดไม้สะแกและอนุญาตให้บุคคลอื่นตัดไม้สะแกในที่วิวาทซึ่งอยู่ในเขตต์โฉนดของโจทก์ไปบ้างเป็นบางครั้งนั้น ก็ยังเรียกไม่ได้ว่าเป็นการปกปักรักษาและทำประโยชน์ในที่นั้นอันจะทำให้จำเลยได้กรรมสิทธิ์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกครอบครองที่ดินของโจทก์และตัดไม้สะแกของโจทก์ไปจึงขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า ที่ดินตรงที่โจทก์ฟ้องนี้เป็นที่ป่าสะแก นางต่วนจำเลยได้ปกครองถือกรรมสิทธิเป็นเจ้าของมาประมาณ ๒๐ ปีเศษแล้ว
ศาลชั้นต้นสั่งทำแผนที่ประกอบการพิจารณา ปรากฏว่าที่พิพาทอยู่ในเขตต์โฉนดของ โจทก์แต่ฟังว่า จำเลยได้เข้าปกครองมากว่า ๑๐ ปี โจทก์หมดอำนาจฟ้อง จึง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ต้นสะแกที่ โจทก์กล่าวหาอยุ่ในที่ดินตาม โฉนดของโจทก์ ในเบื้องต้นต้องฟังว่าเป็นของโจทก์ จำเลยเคยตัดต้นสะแกในที่รายนี้ไปใช้สอยบ้างเป็นบางครั้ง และฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้เข้าปกปักษ์รักษษอย่างไร จึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการครอบครองตามนัยแห่งกฎหมายแพ่งฯ ม. ๑๓๘๒ จึงพิพากษากลับให้ จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ป่าสะแกอยู่ในโฉนดของโจทก์ จำเลยได้เคยตัดต้นสะแกไปใช้สอยบ้างเป็นบางครั้ง แต่ไม่ปรากฏว่า จำเลยได้ปกปักษ์รักษาและทำประโยชน์ในที่พิพาทรายนี้แต่ประการใด แม้จำเลยจะเคยอนุญาตให้กำนันปริกตัดไม้สะแกในที่พิพาทใช้บ้าง+ ไม่เรียกว่าเป็นการปกปักษ์รักษาและทำประโยชน์ในที่นั้น อันจะทำให้จำเลยได้กรรมสิทธิ์ พิพากษายืนตาม คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ให้ยกฏีกา จำเลย