คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3697/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดลง ผู้เช่าไม่มีสิทธิอยู่ในที่ดินที่เช่า การอยู่ต่อไปเป็นการละเมิด ผู้ให้เช่ามีสิทธิเรียกค่าเสียหายเช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้น ได้แก่ค่าเสียหายในค่าเช่า ส่วนค่าเสียหายจากการที่ผู้ให้เช่าไม่สามารถสร้างตึกแถวในที่ดินที่เช่าเพราะวัสดุก่อสร้างมีราคาสูงขึ้น ก็เป็นความเสียหายเช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้น จำเลยจึงต้องรับผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 1033เนื้อที่ 55 ไร่เศษ นายยกเม้งเช่าที่ดินนี้บางส่วนเนื้อที่ 1 งานเศษและปลูกห้องแถวเลขที่ 5/1 และ 3 เมื่อครบกำหนดตามสัญญาแล้วไม่ได้ทำสัญญาเช่าต่อและไม่ชำระค่าเช่า นายยกเม้งอยู่ในห้องเลขที่ 5/1 ส่วนห้องเลขที่ 3 จำเลยที่ 1 ที่ 2 ซึ่งเป็นน้องและจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นบิดาอยู่อาศัย เมื่อปลายปี พ.ศ. 2520 โจทก์จะสร้างตึกแถวจึงบอกเลิกผู้เช่าที่ดินทุกราย ห้องเลขที่ 5/1นั้นเมื่อนายยกเม้งตายภรรยานายยกเม้งได้รื้อถอนออกไปส่วนจำเลยทั้งสามไม่ยอมออกไปจากห้องเลขที่ 3 ทำให้การก่อสร้างล่าช้า ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายสูงขึ้นคิดเป็นเงิน 150,000บาท โจทก์ไม่สามารถเรียกเงินจากผู้จองห้อง และไม่อาจเก็บค่าเช่าได้คิดเป็นค่าเสียหาย 5,000 บาท ขอให้ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยและใช้ค่าเสียหาย

จำเลยทั้งสามให้การต่อสู้คดีหลายประการ และว่าการก่อสร้างของโจทก์ยังห่างบ้านที่จำเลยที่ 1 อยู่อาศัย ไม่เป็นเหตุทำให้การก่อสร้างล่าช้าและไม่ได้ทำให้โจทก์เสียหาย

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องโจทก์มีสิทธิให้จำเลยที่ 1 รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่พิพาทจำเลยที่ 3 ไม่มีสิทธิอยู่ในที่พิพาท และจำเลยทั้งสามต้องชดใช้ค่าเสียหายที่โจทก์เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 50,000 บาท ค่าเสียหายเท่ากับค่าเช่า 4,191 บาท กับดอกเบี้ยและค่าเสียหายที่จำเลยไม่ออกจากที่ดินอีกเดือนละ 1,000 บาท

โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสามไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 50,000 บาท กับดอกเบี้ยให้แก่โจทก์

โจทก์และจำเลยทั้งสามฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสามไม่มีสิทธิอยู่ในที่พิพาทการอยู่ต่อไปเป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายเช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้น ได้แก่ค่าเสียหายในค่าเช่า ซึ่งศาลล่างคิดให้ตามที่โจทก์ขอนั้นชอบแล้ว ส่วนที่โจทก์ต้องเสียหายจากการที่โจทก์ไม่สามารถสร้างตึกแถวเลขที่ 50 และ 53 ได้ต่อไปนั้นโจทก์นำสืบว่าโจทก์เสียหายเพราะวัสดุก่อสร้างขึ้นราคาสูงกว่าเดิมร้อยละ 30 และโจทก์เก็บเงินค่าจองห้องจากผู้จองไม่ได้ โจทก์ต้องเพิ่มเงินในการก่อสร้างต่อไปไม่ต่ำกว่าห้องละ 50,000 บาท เพราะค่าแรงงานก็ขึ้นราคาจำเลยมิได้นำสืบหักล้างจึงฟังได้ว่าโจทก์เสียหายในส่วนนี้จริง แต่เห็นว่าจำนวนค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องสูงเกินไปที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้ห้องละ 25,000 บาท รวมเป็นเงิน 50,000บาทนับว่าเหมาะสมแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าค่าเสียหายจำนวนนี้เป็นค่าเสียหายอันเกิดแก่พฤติการณ์พิเศษซึ่งไม่ปรากฏว่ามีพฤติการณ์ที่จำเลยทั้งสามได้คาดเห็นหรือควรจะได้คาดเห็นล่วงหน้ามาก่อนจำเลยทั้งสามจึงไม่ต้องรับผิดนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าค่าเสียหายอันเกิดจากวัสดุก่อสร้างและค่าแรงขึ้นราคาอันทำให้โจทก์ต้องเพิ่มทุนในการก่อสร้างนั้น มิใช่ความเสียหายอันเกิดจากพฤติการณ์พิเศษซึ่งจำเลยไม่อาจคาดเห็นล่วงหน้าดังข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา เพราะเป็นความเสียหายเช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้น จำเลยต้องรับผิดส่วนค่าเสียหายเนื่องจากจำเลยไม่ยอมออกจากที่ดินของโจทก์นับจากวันฟ้องที่โจทก์เรียกร้องเดือนละ 5,000 บาท ศาลล่างทั้งสองกำหนดให้เดือนละ 1,000 บาทนั้น เห็นว่าเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share