คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 369/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามคำให้การของจำเลยว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่โจทก์โดยมีเงื่อนไขว่า โจทก์จะไปขึ้นเงินตามเช็คได้ต่อเมื่อ ว. โอนกิจการอู่ซ่อมรถยนต์ให้แก่จำเลย เพราะจำเลยออกเช็คเพื่อใช้หนี้แทน ป. น้องชายของจำเลย แต่จำเลยกลับนำสืบว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่พ.เจ้าหนี้คนหนึ่งของป.โดยพ. ได้ทราบข้อตกลงและเงื่อนไขดังกล่าว ต่อมา ว. ไม่ยอมโอนอู่ซ่อมรถยนต์ให้จำเลยจำเลยจึงแจ้งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินแล้ว พ. กลับโอนเช็คพิพาทให้แก่โจทก์โดยคบคิดกันฉ้อฉลเพื่อให้โจทก์นำเช็คมาฟ้องจำเลย ซึ่งเป็นเรื่องจำเลยต่อสู้ว่าพ. ผู้ทรงคนก่อนโอนเช็คพิพาทให้โจทก์ผู้ทรงคนปัจจุบันด้วยคบคิดกันฉ้อฉล ข้อนำสืบของจำเลยดังกล่าวจึงนอกประเด็นพิพาท รับฟังไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค 2 ฉบับเป็นเงิน 26,180 บาท

จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์ไม่ได้เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย เช็คไม่มีมูลหนี้ จำเลยจ่ายเช็คดังกล่าวให้แก่โจทก์มีเงื่อนไขว่าโจทก์จะไปขึ้นเงินตามเช็คได้ต่อเมื่อนางวิไลวรรณ ผู้จัดการมรดกของนายประภัสสร โอนกิจการอู่ซ่อมรถยนต์ให้แก่จำเลยจำเลยยอมให้หนี้แทนนายประภัสสร ต่อมานางวิไลวรรณไม่ยอมโอนกิจการอู่ซ่อมรถยนต์ให้แก่จำเลย จำเลยจึงสั่งอายัดเช็ค โจทก์นำเช็คมาฟ้องเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค 2 ฉบับ เป็นเงิน 26,180 บาทแก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาข้อแรกตามคำให้การจำเลยว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่โจทก์โดยมีเงื่อนไขว่า โจทก์จะไปขึ้นเงินตามเช็คได้ต่อเมื่อนางวิไลวรรณโอนกิจการอู่ซ่อมรถยนต์ให้แก่จำเลย เพราะจำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อใช้หนี้แทนนายประภัสสรน้องชายจำเลยซึ่งถึงแก่กรรม แต่จำเลยกลับนำสืบว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้งสองฉบับให้แก่นายพรชัยเจ้าหนี้คนหนึ่งของนายประภัสสร โดยนายพรชัยได้ทราบข้อตกลงและเงื่อนไขดังกล่าว ต่อมานางวิไลวรรณไม่ยอมโอนอู่ซ่อมรถยนต์ให้จำเลย จำเลยจึงแจ้งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงิน แล้วนายพรชัยกลับโอนเช็คพิพาทสองฉบับนั้นให้แก่โจทก์โดยคบคิดกันฉ้อฉลเพื่อให้โจทก์นำเช็คนำเช็คมาฟ้องจำเลย ซึ่งเป็นเรื่องจำเลยต่อสู้ว่า นายพรชัยผู้ทรงคนก่อนโอนเช็คพิพาทให้โจทก์ ผู้ทรงคนปัจจุบันด้วยคบคิดกันฉ้อฉล เมื่อจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ ข้อนำสืบดังกล่าวจึงนอกประเด็นพิพาทรับฟังไม่ได้ และคดีฟังได้ว่าเช็คพิพาทสองฉบับเป็นเช็คสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ โจทก์เป็นผู้ถือนับว่าเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อธนาคารปฏิเสธการใช้เงินตามเช็ค จำเลยผู้สั่งจ่ายย่อมจะต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คนั้นให้แก่โจทก์ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น และไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของจำเลยอีก

พิพากษายืน

Share