คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1171/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้โจทก์จะมีบันทึกคำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนว่าจำเลยเป็นคนร้ายยิงผู้ตาย แต่จำเลยก็ยังโต้แย้งอยู่ว่าบันทึกดังกล่าวไม่ถูกต้อง ส่วนพยานหลักฐานอื่นของโจทก์นั้น นอกจากเป็นพยานบอกเล่าไม่มีพยานอื่นประกอบแล้วยังแตกต่างขัดกันอีกด้วย พยานหลักฐานของโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักพอที่จะฟังว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดดังโจทก์ฟ้องได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงนายปลอด สีครอบ ตายขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ และนับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๑๒๙๙/๒๕๒๖ ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๑๒๙๙/๒๕๒๖ ของศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ให้จำคุก ๒๐ ปี และนับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดงที่๑๒๕๑/๒๕๒๖ ของศาลชั้นต้น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานยืนยันว่าจำเลยเป็นคนยิงผู้ตาย คงมีแต่รายงานชันสูตรพลิกศพ แผนที่เกิดเหตุและบันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุซึ่งระบุว่าจำเลยเป็นคนยิงผู้ตาย กับมีบันทึกคำให้การของนางชมและเด็กชายมานะซึ่งระบุว่านางชมและเด็กชายมานะเห็นจำเลยถือปืนหนีออกไปจากที่เกิดเหตุ โดยมีร้อยตำรวจเอกบุญช่วย พนักงานสอบสวนมาเบิกความประกอบว่า เป็นผู้ทำเอกสารเหล่านั้น เอกสารต่าง ๆ นี้ นอกจากจะเป็นพยานบอกเล่าไม่มีน้ำหนักแล้ว นางจิบ นางชม และเด็กชายมานะ ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นประจักษ์พยานรู้เห็นเหตุการณ์ขณะคนร้ายยิงผู้ตาย ก็ได้เบิกความว่าพยานไม่เห็นคนร้าย โดยเฉพาะเด็กชายมานะได้เบิกความว่าตำรวจให้ลงชื่อในบันทึกคำให้การโดยไม่ได้อ่านให้ฟัง และนางชมเบิกความว่ามิได้ให้การว่าเห็นจำเลยถือปืนวิ่งหนีไป นอกจากนั้นบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของนางชมและเด็กชายมานะก็ขัดกัน โดยนางชมให้การว่าจำเลยขี่รถจักรยานยนต์สะพายปืนยาวหลบหนีไป ส่วนเด็กชายมานะให้การว่าจำเลยถือปืนลูกซองยาววิ่งหนีไป ซึ่งทำให้บันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของพยาน ๒ ปากนี้ไม่น่าเชื่อถือ แม้โจทก์จะมีบันทึกคำให้การรับสารภาพของจำเลยว่าจำเลยเป็นคนร้ายยิงผู้ตาย แต่จำเลยยังโต้แย้งอยู่ว่าบันทึกดังกล่าวไม่ถูกต้อง จำเลยรับสารภาพเฉพาะข้อหาอาวุธปืนเท่านั้น ทั้งบันทึกดังกล่าวก็ระบุด้วยว่าจำเลยรับสารภาพว่าได้ใช้ปืนลูกซองสั้นที่ค้นได้จากบ้านจำเลยยิงผู้ตาย ซึ่งแตกต่างกับบันทึกคำให้การของนางชมและเด็กชายมานะที่ระบุว่าจำเลยใช้ปืนลูกซองยาวยิงผู้ตาย ศาลฎีกาเห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์นอกจากเป็นเพียงพยานบอกเล่า ไม่มีพยานอื่นประกอบแล้ว พยานหลักฐานของโจทก์ยังแตกต่างขัดกันอีกด้วย จึงไม่มีน้ำหนักพอที่จะฟังว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดดังโจทก์ฟ้องได้ ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share