คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 369/2482

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

+ได้แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2477 ม.3 นั้น ไม่จำต้องปฏิบัติทำนองเดียวกับการไต่สวนมูลฟ้องของศาลกล่าวคือทำการไต่สวนลับหลัง+ถูกกล่าวหาก็ได้
+ถูกยึดใบอนุญาตควบคุมเรือนำคดีมาฟ้องต่อศาลตาม มาตรา 292 ได้

ย่อยาว

เรือยนตร์ซึ่งโจทก์เป็นนายท้ายชนกับเรือยนตร์อีกลำหนึ่ง จำเลยจึงมีคำสั่งยึดประกาศนียบัตร์นายท้ายเรือของโจทก์ โดยอาศัยรายงานการสอบสวนของกรมการอำเภอในเรื่องเรือโดนกันนั้น โจทก์จึงฟ้องจำเลยหาว่าสั่งไม่ชอบ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษษต้องกันให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาว่าจำเลยจะยึดประกาศนียบัตร์ของโจทก์โดยอาศัยแต่เพียงการสอบสวนซึ่งไม่ใช่การไต่สวนตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ. เดินเรือในน่านน้ำสยามไม่ได้ และการไต่สวนตาม พ.ร.บ.การเดินเรือฯ ต้องกระทำอย่างเดียวกับการไต่สวนในประมวลวิธีพิจารณาอาญา คือให้โอกาศผู้ถูกกล่าวหารู้เห็นและซักฟอกพะยานที่ปรักปรำตนได้
ศาลฎีกาตัดสินว่าการไต่สวนตามพ.ร.บ.การดินเรือฯ นั้น ไม่มีความหมายเช่นเดียวกับการไต่สวนมูลฟ้องตามประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.๒ ข้อ ๑๒ เพราะการไต่สวนมูลฟ้องเป็นกระบวนการไต่สวนของศาล แต่การไต่สวนตาม พ.ร.บ.การเดินเรือฯ นั้นเป็น การกระทำทางปกครองและไม่มีกฎหมายบทใดที่บังคับให้จำต้องทำการไต่สวนต่อหน้าโจทก์หรือให้โจทก์ มีโอกาศซักฟอกพะยานดังฎีกาของโจทก์พิพากษายืนตามศาลล่าง ทั้ง ๒.

Share