คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3680/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คำสั่งของบุคคลซึ่งมิได้เป็นผู้บังคับบัญชาที่ได้มอบหมายงานให้จำเลยปฏิบัติ เป็นคำสั่งที่ออกโดยไม่มีอำนาจ จำเลยจึงไม่เป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจกระทำการตามคำสั่งนั้น การที่จำเลยรับเงินค่าดูดสิ่งปฏิกูลของเทศบาลซึ่งมิใช่หน้าที่ของจำเลยแล้วเบียดบังไว้จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147,157 และ 161แต่เป็นความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ แม้ต่อมาจำเลยจะได้นำเงินจำนวนที่ยักยอกไปดังกล่าวมาชดใช้คืนแก่เทศบาลก็ตาม ก็เป็นเพียงการกระทำเพื่อบรรเทาความเสียหายเท่านั้น เมื่อไม่ปรากฏว่าเทศบาลซึ่งเป็นผู้เสียหายตกลงให้ระงับข้อพิพาทหรือสละสิทธิในการดำเนินคดีอาญากับจำเลยเช่นนี้ ย่อมถือไม่ได้ว่า เป็นการยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายที่จะทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นพนักงานเทศบาลระดับ 1 ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต โดยกรอกข้อความลงในเอกสารต้นฉบับใบเสร็จรับเงินกับสำเนาซึ่งออกให้แก่บุคคลต่าง ๆ สำหรับค่าดูดสิ่งปฏิกูลไม่ตรงกัน แล้วได้เบียดบังยักยอกเอาเงินส่วนต่างนั้นรวมกับเงินค่าดูดสิ่งปฏิกูลรายอื่น ๆ อีก 76 รายไปเป็นของจำเลยโดยทุจริตขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 151, 161,162, 91 จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157, 161, 91 ลงโทษจำคุกรวม 12 ปี จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าจำเลยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157 และ161 ตามฟ้องหรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติว่า จำเลยเป็นพนักงานเทศบาลสามัญระดับ 1 ตำแหน่งเจ้าหน้าที่สุขาภิบาลฝ่ายสาธารณสุข เทศบาลเมืองมหาสารคาม ตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน 2526ตามคำสั่งเทศบาลเมืองมหาสารคามที่ 236/2526 เอกสารหมาย จ.1แต่เนื่องจากฝ่ายสาธารณสุขมีงานที่ต้องรับผิดชอบหลายด้าน เพื่อให้งานเรียบร้อยและรัดกุมเป็นประโยชน์ต่อทางฝ่ายสาธารณสุขนางรัตนา คัยนันทน์ หัวหน้าฝ่ายสาธารณสุขได้ออกคำสั่งแบ่งงานให้ผู้ใต้บังคับบัญชารวม 7 คน ในฝ่ายสาธารณสุขรวมทั้งจำเลยด้วยใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2527 ตามเอกสารหมาย จ.10โดยแบ่งงานกำหนดให้จำเลยรับผิดชอบงานความสะอาดภายในเขตฯโรงฆ่าสัตว์ ระงับเหตุรำคาญต่าง ๆ และงานเกี่ยวกับใบอนุญาตประกอบการค้าต่าง ๆ เท่านั้น ส่วนงานควบคุมการจัดเก็บเงินค่าดูดสิ่งปฏิกูลกำหนดให้นายฉกาจ ทองอตม์ เจ้าหน้าที่สุขาภิบาล 2เป็นผู้รับผิดชอบ กับกำหนดให้นายบำรุง ไชยมาตย์ ลูกจ้างประจำเจ้าหน้าที่รถดูดสิ่งปฏิกูล มีหน้าที่ดูแลบริการดูดสิ่งปฏิกูลภายในเขตฯ ตามคำสั่งเอกสารหมาย จ.10 ดังกล่าวมิได้กำหนดให้จำเลยรับผิดชอบงานควบคุมการจัดเก็บเงินค่าดูดสิ่งปฏิกูลหรือมีหน้าที่ดูแลบริการดูดสิ่งปฏิกูลด้วย ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยและนายฉกาจต่างเป็นพนักงานเทศบาล เป็นเจ้าหน้าที่สุขาภิบาลในฝ่ายสาธารณสุขของเทศบาลเมืองมหาสารคาม โดยมีนางรัตนา คัยนันทน์เป็นหัวหน้าฝ่ายทั้งจำเลยและนายฉกาจต่างก็มีหน้าที่รับผิดชอบเฉพาะตัวตามคำสั่งแบ่งงานรับผิดชอบ เอกสารหมาย จ.10 นายฉกาจหาได้เป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยไม่ การที่นายฉกาจได้มอบงานควบคุมการดูดสิ่งปฏิกูลให้จำเลยควบคุมตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2527 เป็นต้นไปตามสำเนาคำสั่งเอกสารหมาย จ.3 โดยขณะนั้นจำเลยไม่ได้อยู่ใต้บังคับบัญชาของนายฉกาจ เพราะทั้งนายฉกาจและจำเลยต่างเป็นเจ้าหน้าที่สุขาภิบาลในฝ่ายสาธารณสุขอยู่ด้วยกัน ทั้งนายฉกาจไม่มีอำนาจที่จะสั่งลบล้างคำสั่งของนางรัตนาหัวหน้าฝ่ายสาธารณสุขตามเอกสารหมาย จ.10 ได้ คำสั่งของนายฉกาจดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งที่สั่งการโดยไม่มีอำนาจกระทำได้ ถึงแม้ต่อมานายเกียรติ นาคะพงษ์นายกเทศมนตรีเมืองมหาสารคามได้ออกคำสั่งเทศบาลเมืองมหาสารคามที่ 446/2527 ลงวันที่ 31 ตุลาคม 2527 แต่งตั้งให้นางรัตนาคัยนันทน์ หัวหน้าฝ่ายสาธารณสุขเป็นเจ้าพนักงานสาธารณสุข และแต่งตั้งนายฉกาจ ทองอตม์ เป็นหัวหน้างานสุขาภิบาลและรักษาความสะอาดโดยให้เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานสาธารณสุขรับผิดชอบงานสาธารณสุขท้องถิ่น ตามสำเนาคำสั่งเอกสารหมาย จ.11 โดยสั่งเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2527 แม้จะให้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม2527 เป็นต้นไป ก็เป็นการออกคำสั่งภายหลังจากนายฉกาจออกคำสั่งมอบหมายงานควบคุมการดูดสิ่งปฏิกูลให้จำเลยปฏิบัติตามเอกสารหมายจ.3 แล้ว ดังนั้นคำสั่งตามเอกสารหมาย จ.11 จึงไม่มีผลย้อนหลังเพื่อให้คำสั่งตามเอกสารหมาย จ.3 ที่มิชอบด้วยกฎหมายกลับกลายเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งยังมิได้มีคำสั่งใด ๆ ยกเลิกเพิกถอนคำสั่งแบ่งงานตามเอกสารหมาย จ.10 เลย เช่นนี้ จำเลยจึงหาได้เป็นเจ้าพนักงานซึ่งผู้บังคับบัญชาได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้จำเลยมีหน้าที่ทำเอกสาร รับเงิน จัดการดูแลรักษา กรอกข้อความลงในเอกสารและออกใบเสร็จรับเงินค่าดูดสิ่งปฏิกูลดังโจทก์ฟ้องไม่ ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157 และ 161 ตามฟ้องนั้นจึงชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่โจทก์อ้างว่าจำเลยได้ยักยอกเงินค่าดูดสิ่งปฏิกูลจำนวน 12,700 บาท ของเทศบาลเมืองมหาสารคามไปนั้นแม้การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ก็ตาม แต่การที่จำเลยได้รับเงินค่าดูดสิ่งปฏิกูลจำนวนดังกล่าวไว้แล้วได้เบียดบังยักยอกเอาเงินของเทศบาลเมืองมหาสารคามไปเป็นของจำเลยโดยทุจริตเช่นนี้จึงเป็นความผิดฐานยักยอกอีกสถานหนึ่งที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้นั้นจึงชอบแล้ว แต่ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยต่อไปว่าก่อนฟ้องจำเลยได้ชดใช้เงินจำนวน 12,700 บาท ให้แก่เทศบาลเมืองมหาสารคามและไม่ปรากฏว่าเทศบาลเมืองมหาสารคามสงวนสิทธิที่จะดำเนินคดีอาญากับจำเลยอีกต่อไป เป็นพฤติการณ์ที่ตกลงยอมความโดยถูกต้องตามกฎหมาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปนั้นศาลฎีกาเห็นว่า แม้จะปรากฏตามฟ้องด้วยว่าจำเลยนำเงินจำนวน12,700 บาท ที่ยักยอกไปดังกล่าวชดใช้คืนแก่เทศบาลเมืองมหาสารคามแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงการกระทำเพื่อบรรเทาความเสียหายส่วนหนึ่งต่างหาก ทั้งไม่ปรากฏหลักฐานใด ๆ เลยว่าเทศบาลเมืองมหาสารคามซึ่งเป็นผู้เสียหายตกลงให้ระงับข้อพิพาทหรือสละสิทธิในการดำเนินคดีอาญากับจำเลยเช่นนี้ ย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นการยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายที่จะทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) นั้น จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 จำคุก 1 ปี 6 เดือน ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก1 ปี

Share