คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3680/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่เทศบาลตำบลอรัญประเทศอนุมัติให้โจทก์ก่อสร้างอาคารศูนย์บรรเทาสาธารณภัยบนที่ดินราชพัสดุที่เทศบาลเช่าจากกระทรวงการคลังเจ้าของที่ดิน เทศบาลทำผิดสัญญาเช่าเนื่องจากนำที่ดินที่เช่าให้โจทก์ใช้ประโยชน์โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากกระทรวงการคลังเจ้าของที่ดินซึ่งมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ทั้งยังผิดระเบียบของกระทรวงมหาดไทย เพราะมิได้ขออนุมัติอีกจำเลยซึ่งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลได้ทักท้วงในการประชุมสภาเทศบาลถึง 4 ครั้งแต่ก็ไม่บังเกิดผล ดังนี้การทำบันทึกร้องเรียนของจำเลยเสนอต่อคณะเทศมนตรีเทศบาลตำบลอรัญประเทศเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารดังกล่าวของโจทก์ว่าเป็นการบุกรุกที่ดินที่เทศบาลมีสิทธิครอบครอง ทำให้เทศบาลขาดประโยชน์ เป็นการขัดต่อนโยบายของเทศบาล แม้จะมีการกล่าวอ้างถึงการกระทำดังกล่าวว่าเป็นของผู้มีอิทธิพลแสวงหาผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มของตน ก็เป็นเรื่องที่จำเลยเข้าใจจากพฤติการณ์ของโจทก์ ซึ่งกระทำอยู่ในขณะนั้นที่ทำให้เทศบาลตำบลอรัญประเทศซึ่งจำเลยเป็นสมาชิกสภาเทศบาลอยู่เสียหาย จึงเป็นการร้องเรียนโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับจำเลยในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาเทศบาลนั้นตามคลองธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329(1) จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๓๒๖,๓๒๘, ๓๙๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๘๓, ๓๒๖ จำคุกคนละ ๔ เดือน ปรับคนละ ๒,๐๐๐ บาท รอการลงโทษจำคุกไว้คนละ ๑ ปี
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
คดีนี้ จำเลยที่ ๒ ถึงแก่ความตายในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้โจทก์จะได้รับอนุมัติจากคณะเทศมนตรีให้ก่อสร้างอาคารดังกล่าวตามเอกสารหมาย จ.๓ หรือ ล.๖ และโจทก์ได้ทำสัญญากับเทศบาล ตามเอกสารหมาย จ.๕ แล้ว ก็เป็นการอนุมัติให้ปลูกสร้างอาคารชั่วคราวเท่านั้น แต่โจทก์เพิ่งปลูกสร้างเป็นอาคารถาวรตามเอกสารหมาย ล.๔ และได้ความจากนายศุภรัตน์ วงศ์โกเมศ นายกเทศมนตรีในขณะนั้นซึ่งมาเป็นพยานโจทก์ว่า เทศบาลสั่งให้โจทก์ระงับการก่อสร้างไว้ก่อน ตามเอกสารหมาย ล.๓ หรือ ล.๗ โจทก์มิได้ระงับการก่อสร้างและเพิ่งขออนุญาตปลูกสร้างอาคารพร้อมแบบแปลนต่อมาในภายหลัง ตามเอกสารหมาย ล.๑ ดังที่จำเลยนำสืบ และได้ความต่อไปว่า การอนุมัติให้โจทก์ก่อสร้างศูนย์ครั้งแรกของคณะเทศมนตรี ตามเอกสารหมาย จ.๓ หรือ ล.๖ เทศบาลผิดสัญญาเช่าที่ดินกับกระทรวงการคลังเจ้าของที่ดิน เนื่องจากนำที่ดินที่เช่าให้โจทก์ใช้ประโยชน์โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากเจ้าของซึ่งมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ ทั้งยังผิดระเบียบของกระทรวงมหาดไทย เพราะมิได้ขออนุมัติอีก จำเลยซึ่งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลก็ได้ทักท้วงในการประชุมสภาเทศบาลถึง ๔ ครั้ง ตามที่ปรากฏในเอกสารหมาย ล.๘ ถึง ล.๑๑ แต่ก็ไม่บังเกิดผล ดังนี้จึงเห็นว่าการร้องเรียนของจำเลยที่ ๑ ที่ ๓ เกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารดังกล่าวของโจทก์ซึ่งยังมิได้รับอนุญาตจากเทศบาลว่าเป็นการบุกรุกที่ดินที่เทศบาลมีสิทธิครอบครอง ทำให้เทศบาลขาดประโยชน์ เป็นการขัดต่อนโยบายของเทศบาล และแม้จะมีการกล่าวอ้างถึงการกระทำดังกล่าวว่า เป็นของผู้มีอิทธิพลเพื่อแสวงหาผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มของตนก็ตาม ก็เป็นเรื่องที่จำเลยเข้าใจจากพฤติการณ์ของโจทก์ซึ่งกระทำอยู่ในขณะนั้นที่ทำให้เทศบาลตำบลอรัญประเทศ ซึ่งจำเลยเป็นสมาชิกสภาเทศบาลนั้นอยู่เสียหาย จึงเป็นการร้องเรียนโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับจำเลยในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาเทศบาลนั้นตามคลองธรรม ต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๙(๑) จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำหน่ายคดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๒ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share