แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์แต่งตั้งให้ ว. เป็นทนายความและให้มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาใดๆ ไปในทางจำหน่ายสิทธิได้ เช่นการยอมรับตามที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเรียกร้อง ยื่น ถอนคำฟ้องประนีประนอมยอมความ สละสิทธิหรือใช้สิทธิในการอุทธรณ์ฎีกาหรือขอให้มีการพิจารณาคดีใหม่ตลอดจนชั้นบังคับคดีเมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ถอดถอน ว.ออกจากการเป็นทนายความ ถือได้ว่าว. ยังคงเป็นทนายความของโจทก์อยู่ เมื่อศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ ว. ทนายโจทก์ฟัง ก็ถือว่าโจทก์ได้ฟังคำพิพากษาดังกล่าวโดยชอบแล้ว แม้ร้อยตำรวจเอก ช. จะเป็นทนายความผู้ทำคำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์มายื่นและมิได้ฟังคำพิพากษาด้วยตนเอง ก็ไม่มีอำนาจร้องขอให้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ใหม่เพื่อให้โจทก์มีสิทธิฎีกาได้อีก
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้นายวีระพันธ์ทนายโจทก์กับทนายจำเลยฟังเมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๒๓ ต่อมาวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๒๓ ร้อยตำรวจเอกวิชัยทนายโจทก์อีกคนหนึ่งยื่นคำร้องว่าในวันนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มีทนายโจทก์คนเดิมซึ่งมิได้ทำคำฟ้องอุทธรณ์มาฟังคำพิพากษาแทนโจทก์และทนายโจทก์ผู้ทำคำฟ้องอุทธรณ์จึงขอทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันยื่นคำร้องเพื่อมีสิทธิยื่นฎีกาตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์แต่งตั้งให้นายวีระพันธ์เป็นทนายความและให้มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ไปในทางจำหน่ายสิทธิได้เช่น การยอมรับตามที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเรียกร้อง ยื่น ถอน คำฟ้องประนีประนอมยอมความ สละสิทธิ หรือใช้สิทธิในการอุทธรณ์ฎีกาหรือขอให้มีการพิจารณาคดีใหม่ ตลอดจนชั้นบังคับคดี เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ถอดถอนนายวีระพันธ์ออกจากการเป็นทนายความ ถือได้ว่านายวีระพันธ์ยังคงเป็นทนายความของโจทก์อยู่ เมื่อศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้นายวีระพันธ์ทนายโจทก์ฟังก็ต้องถือว่าโจทก์ได้ฟังคำพิพากษาดังกล่าวโดยชอบแล้ว แม้ร้อยตำรวจเอกวิชัยจะเป็นทนายความผู้ทำคำฟ้องอุทธรณ์มายื่นและมิได้ฟังคำพิพากษาด้วยตนเอง ก็ไม่มีอำนาจร้องขอให้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ใหม่เพื่อให้โจทก์มีสิทธิฎีกาได้อีก
พิพากษายืน