แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านอยู่ในตำบลหนึ่ง เมื่อได้ความว่าสมคบกับผู้ใหญ่บ้านตำบลอื่นกระทำผิดในหมู่บ้านอื่นและไม่ปรากฏว่าผู้อยู่เหนืออำนาจได้สั่งให้จำเลยกระทำดังนี้ สำหรับจำเลยที่ 2 จึงไม่เรียกว่าเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย เพราะการกระทำของจำเลยเป็นการนอกหน้าที่ จะลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเป็นเจ้าพนักงานสมคบกันกระทำผิดตาม มาตรา 137,63 ไม่ได้ ลงได้แต่เพียงสมรู้ตาม มาตรา137,65 เท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 ตำบลสรรพยาจำเลยที่ 2 เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ตำบลสรรพยา จังหวัดชัยนาท เป็นเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองตามกฎหมาย ระหว่างวันที่ 3 และ 31 มีนาคม 2492 จำเลยสมคบกันใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่บังคับเรียกเงินค่าจ้างแจ้งการครอบครองที่ดินตามแบบ ส.ค.1 เกินควรที่จะได้ตามกฎหมายไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัว ขอให้ลงโทษ ฯลฯ
จำเลยทั้ง 2 ปฏิเสธ ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้ง 2 สมคบกันกระทำความผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 137, 63 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญาพ.ศ. 2477 (ฉบับที่ 2) มาตรา 3 พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม กฎหมายลักษณะอาญา พ.ศ. 2484 มาตรา 3 และผิด พระราชบัญญัติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2486 มาตรา 3, 7 ให้ลงโทษจำคุกจำเลยไว้คนละ 6 เดือน ฯลฯ
นายจุ๊ยจำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องเฉพาะนายจุ๊ยจำเลย นอกนั้นให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่าจำเลยที่ 2 สมคบกับจำเลยที่ 1 เรียกเงินจากผู้ทำส.ค.1 เกินกว่าอัตราที่ทางการกำหนดไว้ เมื่อได้ความว่าจำเลยที่ 2 ไปกระทำผิดในหมู่บ้านอื่นและไม่ปรากฏว่าผู้อยู่เหนืออำนาจได้สั่งให้จำเลยกระทำ จึงไม่เรียกว่าเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย เพราะการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำนอกหน้าที่ จะลงโทษจำเลยฐานเป็นเจ้าพนักงานสมคบกันกระทำผิดตาม มาตรา 137, 63 ไม่ได้ ลงโทษได้แต่เพียงเป็นผู้สมรู้ตาม มาตรา 137, 65 เท่านั้น พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เฉพาะจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2มีความผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 137, 65 ซึ่งแก้ไขแล้ว ให้จำคุกจำเลยไว้ 4 เดือนฯ