แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ปรากฏว่าโจทก์ทั้งสองและจำเลยที่ 1 ได้เกี่ยวเป็นคู่ความในคดีพิพาทเรื่องที่ดินรายนี้มาครั้งหนึ่งแล้วและศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดในคดีนั้นไว้แล้วว่าจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ได้ซื้อที่พิพาทไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนทั้งได้จดทะเบียนสิทธิแล้วโจทก์ทั้งสองจะหยิบยกเอาการครอบครองโดยปรปักษ์มาต่อสู้ใช้ยันจำเลยที่ 1 ไม่ได้แต่มาในคดีนี้โจทก์ฟ้องอ้างถึงกรรมสิทธิ์ที่โจทก์ควรมีควรได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1300 ซึ่งในมาตราเดียวกันนี้วางข้อยกเว้นไว้และศาลได้ชี้ขาดในคดีก่อนตามประเด็นที่โต้เถียงกันตามข้อยกเว้นนี้ว่าจำเลยที่ 1 ได้รับโอนที่พิพาทมาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนฟ้องของโจทก์ในคดีนี้เห็นได้ชัดว่าเพื่อประสงค์นำสืบถึงเหตุผลซึ่งโจทก์นำสืบไว้ในคดีก่อนไม่สมบูรณ์เท่านั้นการที่จำเลยที่ 2 มิได้เข้าเป็นคู่ความในคดีก่อนไม่เป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องคดีนี้ได้เพราะต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา144
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าที่ดินโฉนดที่ 1169 เนื้อที่ 2 งาน นายบุญมา จำเลยขายให้กับนายจำนงค์จำเลยนั้นนางสุ่นกับโจทก์ทั้งสองได้ปกครองมาเป็นเวลา 26 ปีแล้วจึงได้กรรมสิทธิ์และโจทก์อยู่ในฐานะจะได้จดทะเบียนสิทธิก่อน จำเลยทำการโอนซื้อขายกัน การซื้อขายที่ดินที่จำเลยทำขึ้นไม่สุจริตเป็นเหตุให้โจทก์เสียเปรียบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300 โจทก์เพิ่งทราบเมื่อนายจำนงค์จำเลยฟ้องนายบ้าน โจทก์กับพวกตามคดีแดงที่ 92/2497จึงขอให้ศาลแสดงว่าที่ 2 งานทางด้านตะวันตกของคลองส่งน้ำตกในโฉนดที่ 1169 เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ให้เพิกถอนการซื้อขายเสีย
จำเลยปฏิเสธต้องคำกันว่าโจทก์ทั้งสองหรือบุคคลอื่นใดไม่เคยมาเกี่ยวข้องกับที่พิพาทที่โจทก์ฟ้อง จำเลยที่ 1 ครอบครองที่พิพาทโดยไม่มีผู้ใดมารบกวน จำเลยที่ 1 รับซื้อไว้โดยสุจริตและมีค่าตอบแทนและได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ชอบด้วยกฎหมายแล้วและตัดฟ้องว่าคดีขาดอายุความ ทั้งเป็นการฟ้องซ้ำกับคดีแดงที่ 92/2497 ขอให้ยกฟ้อง
คู่ความแถลงรับกันว่าที่พิพาทในคดีนี้กับที่พิพาทในคดีแพ่งแดงที่ 92/2497 เป็นที่ดินแปลงเดียวกัน คดีก่อนนายจำนงค์จำเลยฟ้องนายป้านโจทก์กับพวกหาว่าบุกรุกที่พิพาทอันเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดที่ 1169 ซึ่งตนซื้อมาจากนายบุญมา นางจัน ในคดีนั้นนายป้านกับพวกซึ่งเป็นจำเลยให้การว่าที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดที่ 1172 ซึ่งตนซื้อมาจากนางยิ้ม ไม่ใช่เป็นที่ในโฉนดที่ 1169 ของนายจำนงค์ แม้ที่พิพาทจะอยู่ในโฉนดที่ 1169 นางสุ่นนางยิ้มเจ้าของเดิมกับนายป้านได้ครอบครองด้วยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันกว่า 10 ปี แล้วนายป้านย่อมได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทโดยการครอบครอง นางยิ้มผู้ขายที่ดินโฉนดที่1172 ให้แก่นายป้านได้ร้องสอดเข้าเป็นจำเลยในคดีนั้นร่วมด้วยปัญหาที่ว่าที่พิพาทอยู่ในโฉนดไหนนั้นศาลวินิจฉัยว่าอยู่ในโฉนดที่ 1169 ของนายจำนงค์นับแต่นายจำนงค์ซื้อที่ดินโฉนดที่ 1169(รวมทั้งที่พิพาท) จนถึงวันฟ้องยังไม่ถึง 10 ปี นายจำนงค์ได้ซื้อโดยเสียค่าตอบแทนและสุจริตทั้งได้จดทะเบียนโดยสุจริตแล้ว แม้นางยิ้มจะได้ครอบครองที่พิพาทต่อจากนางสุ่นกว่า 10 ปี แต่นางยิ้มมิได้จดทะเบียนสิทธิที่พิพาทซึ่งตนได้ครอบครองปรปักษ์มา นางยิ้มจะยกการครอบครองปรปักษ์ต่อสู้นายจำนงค์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิในที่พิพาทโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1299 วรรค 2 เมื่อนางยิ้มยกการครอบครองปรปักษ์ขึ้นต่อสู้นายจำนงค์ไม่ได้แล้ว นายป้านผู้รับโอนที่ดินจากนางยิ้มก็จะใช้สิทธิครอบครองโดยปรปักษ์ของนางยิ้มมาใช้ยันนายจำนงค์ไม่ได้ เพราะผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน ศาลจึงพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของนายจำนงค์ขณะนั้นคดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์
ศาลจังหวัดสุพรรณบุรีพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาประชุมปรึกษาคดีแล้วปรากฏว่าโจทก์ทั้งสองและนายจำนงค์จำเลยได้เกี่ยวเป็นคู่ความในคดีแดงที่ 92/2497 มาแล้ว คำฟ้องของโจทก์คดีนี้โจทก์อ้างถึงกรรมสิทธิ์ที่โจทก์ควรมีควรได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300 ซึ่งในมาตราเดียวกันนี้วางข้อยกเว้นไว้และศาลก็ได้ชี้ขาดในคดีก่อนตามประเด็นที่โต้เถียงกันตามข้อยกเว้นนั้นว่านายจำนงค์จำเลยได้รับโอนที่พิพาทโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ตามฎีกาโจทก์เห็นได้ชัดว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้เพื่อประสงค์นำสืบถึงเหตุผลซึ่งโจทก์นำสืบไว้ในคดีก่อนไม่สมบูรณ์เท่านั้น การที่นายบุญมาจำเลยมิได้เข้ามาเป็นคู่ความในคดีก่อนไม่เป็นเหตุที่จะให้โจทก์ฟ้องคดีนี้ซ้อนได้อีก จึงพิพากษายืน