แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
อุทธรณ์ของผู้ร้องเป็นอุทธรณ์ที่คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องของผู้ร้องที่ขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา โดยอ้างว่าผู้ร้องทิ้งคำร้อง คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวมิได้สั่งในเนื้อหาของคำร้องดังกล่าวของผู้ร้องแต่ประการใด จึงมิได้เป็นคำสั่งที่ให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาซึ่งผู้ร้องจะต้องอุทธรณ์ภายใน 7 วัน ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคท้าย แต่คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ผู้ร้องมีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านได้ภายในกำหนด 1 เดือน ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 223 ประกอบด้วยมาตรา 229 ข้อเท็จจริงได้ความตามท้องสำนวนว่าผู้ร้องทราบคำสั่งยกคำร้องของศาลชั้นต้นดังกล่าวเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2548 ผู้ร้องยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2548 ซึ่งยังไม่พ้นกำหนด 1 เดือน ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะรับอุทธรณ์ของผู้ร้องไว้พิจารณาต่อไป
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามชำระหนี้แก่โจทก์เป็นเงิน 43,445,544.71 บาท พร้อมดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียม ต่อมาจำเลยทั้งสามไม่ยอมชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าว โจทก์ขอให้บังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพร้อม สิ่งปลูกสร้างบนที่ดินทั้งสามแปลง เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์พร้อมกับยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา สำเนาให้โจทก์ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้ผู้ร้องนำส่งภายใน 5 วัน หากส่งไม่ได้ให้ผู้ร้องแถลงภายใน 15 วันนัดไต่สวนพยานผู้ร้อง ต่อมาเมื่อถึงวันนัด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ส่งหมายนัดและสำเนาคำร้องให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ได้ ผู้ร้องไม่แถลงต่อศาลตามคำสั่งศาล จึงมีคำสั่งว่าผู้ร้องทิ้งคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ให้ยกคำร้อง ให้ผู้ร้องนำค่าธรรมเนียมศาลมาวางศาลภายใน 15 วัน ต่อมาเจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่า ผู้ร้องไม่นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลภายในกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ว่า ผู้ร้องไม่ชำระเงินค่าธรรมเนียมศาลตามคำสั่งศาล จึงถือว่า ผู้ร้องทิ้งคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ให้จำหน่ายคดีขอปล่อยทรัพย์ของผู้ร้องออกจากสารบบความ
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งว่า ผู้ร้องได้ตรวจสอบและติดตามผลหมายโดยตลอดแต่ปรากฏว่ารายงานการเดินหมายยังไม่เข้าสำนวน จึงไม่สามารถทราบได้ว่าส่งหมายให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้หรือไม่ หากศาลให้โอกาสผู้ร้องนำพยานหลักฐานเข้าไต่สวนอนาถาศาลก็จะเชื่อว่าผู้ร้องเป็นคนยากจนไม่มีเงินที่จะเสียค่าธรรมเนียมศาลจริง ขอศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องดำเนินคดีอย่างคนอนาถาและให้รับคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ด้วย
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นเกินกำหนด 7 วันนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะรับอุทธรณ์ของผู้ร้องไว้พิจารณาหรือไม่ ปรากฏว่าอุทธรณ์ของผู้ร้องดังกล่าวเป็นอุทธรณ์ที่คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องของผู้ร้องที่ขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา โดยอ้างว่าผู้ร้องทิ้งคำร้อง คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวมิได้สั่งในเนื้อหาของคำร้องดังกล่าวของผู้ร้องแต่ประการใด จึงมิได้เป็นคำสั่งที่ให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาซึ่งผู้ร้องจะต้องอุทธรณ์ภายใน 7 วัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย แต่คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ผู้ร้องมีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านได้ภายในกำหนด 1 เดือน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ประกอบมาตรา 229 ข้อเท็จจริงได้ความตามท้องสำนวนว่าผู้ร้องทราบคำสั่งยกคำร้องของศาลชั้นต้นดังกล่าวเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2548 ผู้ร้องยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2548 ซึ่งยังไม่พ้นกำหนด 1 เดือน ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะรับอุทธรณ์ของผู้ร้องไว้พิจารณาต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกอุทธรณ์ของผู้ร้องนั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น”
พิพากษายกคำสั่งของศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์ของผู้ร้องไว้พิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี