แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
คำฟ้องของโจทก์อ้างว่า เหตุที่โจทก์มิได้ส่งสมุดบัญชีและเอกสารตามหมายเรียกของเจ้าพนักงานประเมินเพราะมีข้อขัดข้องยังไม่สามารถส่งให้ได้ การที่โจทก์อุทธรณ์ว่าการส่งหมายเรียกให้โจทก์ส่งสมุดบัญชีและเอกสารเพื่อการตรวจสอบไต่สวนไม่ชอบ เพราะมิได้ส่งไปยังสถานที่ตั้งทำการหรือประกอบการของโจทก์ ทั้งผู้เซ็นรับหมายเรียกก็มิใช่พนักงานของโจทก์ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลภาษีอากรกลาง ทั้งมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ได้แจ้งการประเมินให้โจทก์ชำระภาษีเงินได้ นิติบุคคลและภาษีการค้า โดยแจ้งว่าโจทก์ไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกที่ให้นำบัญชีและเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับกิจการค้าไปให้ทำการตรวจสอบ จำเลยที่ 2 จึงอาศัยอำนาจตามประมวลรัษฎากรมาตรา 71(1), 87, 87 ทวิ, 88 และ 89 ทวิ ประเมินให้โจทก์ชำระภาษีดังกล่าว โจทก์มิได้ขัดขืนและไม่มีเจตนาที่จะไม่ส่งบัญชีและเอกสารต่าง ๆ ไปให้โจทก์ โดยโจทก์ได้แจ้งข้อขัดข้อง และขอผัดส่งต่อจำเลยที่ 2 ซึ่งจำเลยที่ 2 ก็ยินยอมแล้ว และภายหลังโจทก์ก็ได้ส่งบัญชีและเอกสารไปให้จำเลยที่ 1 เมื่อโจทก์อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์แล้ว คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก็ยังวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์ การประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ไม่ชอบ ขอให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยดังกล่าวจำเลยทั้งสามให้การต่อสู้คดีหลายประการ ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์อุทธรณ์เพียงประการเดียวว่าการส่งหมายเรียกให้โจทก์ส่งสมุดบัญชีและเอกสารต่าง ๆ ที่ใช้ประกอบการลงบัญชีเพื่อการตรวจสอบไต่สวนของเจ้าพนักงานประเมินไม่ชอบ เพราะไม่ได้ส่งไปยังสถานที่ตั้งทำการหรือประกอบการของโจทก์ อีกทั้งนายฉัตรชัย สุคนธเมธีรัตน์ ก็ไม่ใช่พนักงานหรือกรรมการของบริษัทโจทก์ เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลรัษฎากรมาตรา 8 ข้อนี้ปรากฏว่า โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องในเรื่องดังกล่าวไว้ โจทก์คงบรรยายฟ้องถึงเหตุผลที่เจ้าพนักงานประเมินไม่มีอำนาจใช้อำนาจตามประมวลรัษฎากร มาตรา 71(1) เพราะหลังจากโจทก์ได้รับหมายเรียกให้ส่งสมุดบัญชีและเอกสารไปให้จำเลยที่ 2 ตรวจสอบแล้ว แต่เนื่องจากโจทก์ต้องย้ายสำนักงานใหม่ และพนักงานบัญชีคนเดิมลาออก โจทก์จึงได้ขอผัดส่งสมุดบัญชีและเอกสารซึ่งจำเลยที่ 2 ก็อนุญาตให้ผัดส่งได้ อย่างไรก็ดี โจทก์ก็ได้จัดการส่งให้จำเลยที่ 1 ในฐานะคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์แล้ว และบรรยายฟ้องต่อไปว่าการใช้อำนาจดังกล่าวนั้น เจ้าพนักงานประเมินจะต้องมีหลักฐานที่แน่ชัดว่าโจทก์มีรายได้นอกเหนือจากรายการที่แจ้งเสียภาษี และเจ้าพนักงานประเมินจะต้องเปรียบเทียบรายได้ของโจทก์กับรายได้ของผู้ประกอบการชนิดหรือประเภทเดียวกับโจทก์ปัญหาตามข้ออุทธรณ์ของโจทก์ จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลภาษีอากรกลาง และปัญหาดังกล่าวไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกอุทธรณ์โจทก์