คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 366/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรรมการผู้จัดการของบริษัทโจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อในนามบริษัทโจทก์เป็นคู่สัญญาให้จำเลยเช่าซื้อรถยนต์โดยกรรมการผู้จัดการนั้นลงชื่อแทน แม้มิได้ประทับตราบริษัทซึ่งตามข้อบังคับที่จดทะเบียนไว้จะต้องประทับตราด้วยก็ถือได้ว่าบริษัทโจทก์เป็นคู่สัญญากับจำเลย บริษัทโจทก์ย่อมเอาสัญญาเช่าซื้อที่กรรมการผู้จัดการทำกับจำเลยฟ้องจำเลยได้(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 992/2497)
บริษัทโจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระจากจำเลยตามสัญญาเช่าซื้อที่จำเลยทำกับกรรมการผู้จัดการของบริษัทโจทก์ จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่า กรรมการผู้จัดการไม่มีอำนาจทำสัญญาเช่าซื้อแทนบริษัทโจทก์ศาลจะยกปัญหาข้อนี้ขึ้นชี้ขาดยกฟ้องมิได้เพราะเป็นเรื่องนอกประเด็น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้เช่าซื้อรถยนต์บรรทุกของโจทก์ 2 คัน ราคา 310,000 บาท จำเลยที่ 2, 3 เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ 1 ผิดนัดค้างชำระค่าเช่าซื้อ 224,000 บาท โจทก์บอกเลิกสัญญาแล้วขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเช่าซื้อที่ค้าง

จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ

จำเลยที่ 2, 3 ต่อสู้ปฏิเสธความรับผิด

ศาลชั้นต้นสอบถาม ทนายจำเลยที่ 2, 3 รับว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องและหนังสือรับรองของหอทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางหมาย จ.10 เป็นสำเนาอันถูกต้องทนายโจทก์แถลงว่าบริษัทโจทก์ไม่ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้นายจือซวง แซ่ตั้ง ทำหนังสือสัญญาเช่าซื้อแทนบริษัทโจทก์เพราะถือว่านายจือซวง แซ่ตั้ง มีอำนาจทำหนังสือสัญญาแทนบริษัทโจทก์ได้

ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน แล้ววินิจฉัยว่า สัญญาเช่าซื้อหมาย จ.2 ที่โจทก์อ้างฟ้องมีแต่นายจือซวง ลงนามเป็นผู้ให้เช่าซื้อแทนบริษัทโจทก์ ไม่มีตราบริษัทโจทก์ประทับไม่ตรงตามข้อบังคับของบริษัทโจทก์ที่จดทะเบียนไว้ว่า ต้องมีกรรมการสองนายตามที่ระบุนามลงชื่อและประทับตราของบริษัทจึงถือไม่ได้ว่าบริษัทโจทก์ได้ลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อและทำสัญญาเช่าซื้อ ทั้งบริษัทโจทก์ไม่ได้แต่งตั้งเป็นหนังสือให้นายจือซวงมีอำนาจทำสัญญาเช่าซื้อแทน ดังนั้นสัญญาเช่าซื้อจึงเป็นโมฆะ และการค้ำประกันไม่อาจมีขึ้นได้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยตามนัยฎีกาที่ 685/2508 พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่า สัญญาเช่าซื้อดังกล่าวลงชื่อนายจือซวง แซ่ตั้ง เป็นผู้ให้เช่าซื้อ มิได้มีตราบริษัทโจทก์ซึ่งตามข้อบังคับที่จดทะเบียนไว้จะต้องประทับตราด้วยก็ตาม แต่ก็ปรากฏตามหนังสือรับรองของหอทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางหมาย จ.10 ว่าบริษัทโจทก์ได้จดทะเบียนกำหนดให้นายจือซวง แซ่ตั้งเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทโจทก์ ตามสัญญาเช่าซื้อที่โจทก์อ้างฟ้อง ก็มีข้อความกล่าวชัดในตอนต้นแห่งสัญญาว่า ทำขึ้นระหว่างบริษัทรัตนยนตร์ชัยจำกัด (โจทก์) โดยนายจือซวง แซ่ตั้งผู้ให้เช่าซื้อฝ่ายหนึ่ง และจำเลยที่ 1 ผู้เช่าซื้ออีกฝ่ายหนึ่งข้อความเช่นนี้แสดงว่านายจือซวง แซ่ตั้ง ทำสัญญาในนามของบริษัทโจทก์นั่นเอง หาได้ทำเป็นส่วนตัวไม่ การทำสัญญาดังนี้ ถือได้ว่าบริษัทโจทก์เป็นคู่สัญญากับจำเลยที่ 1 บริษัทโจทก์จึงเอาสัญญาเช่าซื้อฉบับนี้ฟ้องจำเลยได้ ตามนัยฎีกาที่ 992/2497 ฎีกาที่ศาลล่างอ้างข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้

อนึ่ง คดีนี้จำเลยมิได้ยกข้อต่อสู้ว่า นายจือซวง แซ่ตั้งไม่มีอำนาจทำสัญญาเช่าซื้อหมาย จ.2 แทนบริษัทโจทก์ ศาลล่างยกปัญหานี้ขึ้นชี้ขาดยกฟ้องจึงเป็นการนอกประเด็น

พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่

Share