แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยสองคนมีมีดคนละเล่ม คนหนึ่งเข้าจับมือเจ้าทรัพย์อีกคนหนึ่งเข้ากะชากสร้อยคอพาหนีไป แม้จะไช้อาวุธขู่เข็นทำร้ายก็ดี ย่อมถือได้ว่ามีความผิดถานชิงทรัพย์
ย่อยาว
ได้ความว่าเจ้าทรัพย์กับเพื่อหยิงอีก ๒ คนเดินกลับซื้อน้ำผึ้งที่วัดกระมาถึงชายทะเล พบจำเลยทั้งสองคนหนึ่งถือมีดยาวเกือบสอก คนหนึ่งถือพร้า จำเลยถามว่าไปไหน นางสาวจันแก้วที่เดินมากับเจ้าทรัพย์ตอบว่าไปบ้านแล้วจำเลยทั้งสองก็เดินตามเจ้าทรัพย์มาราวหนึ่งเส้น จำเลยก็เดินขึ้นตัดหน้าจำเลยที่ ๑ เข้าจับมือขวางเจ้าทรัพย์ จำเลยที่ ๒ เข้ากะชากสร้อยแล้วพาหนีไป และได้ความจากคำเจ้าทรัพย์ว่าพวกจำเลยไม่ได้ไช้อาวุธขู่เข็ญจะทำร้ายเจ้าทรัพย์
สาลชั้นต้น พิจารนาแล้วพิพากสาว่าจำเลยมีความผิดตาม ม.๒๙๙ จำคุกคนละ ๕ ปี
จำเลยที่ ๑ อุธรน์ สาลอุธรน์แก้ไห้ลงโทสจำเลยตามมาตรา ๒๙๓ จำคุกคนละ ๓ ปี แต่มีความเห็นแย้ง
โจทดีกา สาลดีกาเห็นว่า การที่จำเลยทั้งสองถือมีดและพร้าคนละเล่ม จำเลยที่ ๑ เข้าจับมือเจ้าทรัพย์ อีกคนหนึ่งเข้ากะชากสร้อยคอเจ้าทรัพย์พาหนีไปนั้น แม้จำเลยจะมิได้ไช้อาวุธขู่เข็ญทำร้ายเจ้าทรัพย์ก็ดี แต่กิริยาที่จำเลยกะทำนี้ เปนที่เห็นได้ว่า เปนการขู่เข็ญเขาแล้ว จึงพิพากสาแก้ ไห้บังคับคดีไปตามสาลชั้นต้น