แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาเข้าหุ้นส่วนได้ทำที่บริษัท ต. มีข้อความว่าบริษัท ต. โจทก์และ ส. ตกลงเข้าหุ้นกันทำการค้าเกี่ยวกับที่ดินเพื่อหากำไรโดยได้มอบให้โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินหนึ่งแปลง และให้จำเลยที่ 1 ซื้อที่ดินพิพาท แม้จำเลยที่ 1 ได้ลงชื่อในสัญญานั้นโดยไม่ได้ประทับตราสำคัญบริษัท ต. แต่ใต้ลายมือชื่อของจำเลยที่ 1 มีข้อความอยู่ภายในวงเล็บว่าบริษัท ต. โดยจำเลยที่ 1 กำกับไว้ด้วย เมื่อโจทก์ซื้อที่ดินมาแล้วในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ บริษัท ต. ได้ให้ใส่ชื่อ จ. กรรมการคนหนึ่งของบริษัท ต. เป็นผู้ซื้อและเป็นเจ้าของในโฉนดร่วมกับโจทก์ด้วย ครั้นเมื่อขายที่ดินดังกล่าวแล้วโจทก์และบริษัท ต. ต่างได้รับส่วนแบ่งกำไรไป มิใช่จำเลยที่ 1 รับส่วนแบ่งกำไรไปเป็นส่วนตัว แสดงว่าบริษัท ต. ยอมรับเอาสัญญาและยอมผูกพันตามสัญญาดังกล่าวแล้ว การที่จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 2 ในฐานะตัวแทนของหุ้นส่วนระหว่างโจทก์กับบริษัท ต. แม้ในสัญญาแบ่งขายที่ดินจะระบุชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ซื้อแต่เพียงผู้เดียวก็เป็นการกระทำตามหน้าที่ที่จำเลยที่ 1 ได้มอบหมายจากสัญญาเข้าหุ้นส่วน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการจดทะเบียนภาระจำยอมเป็นการฉ้อฉลโจทก์ และให้เพิกถอนการจดทะเบียนภาระจำยอมให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ร่วมกันไปเพิกถอน ณ สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานครภายใน ๗ วัน หากจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยทั้งสามให้การต่อสู้หลายประการและว่าจำเลยที่ ๑ ทำสัญญาเข้าหุ้นส่วนทำการค้าที่ดินตามฟ้องในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจกระทำแทนบริษัทไต้ล้งค้าเหล็ก จำกัด โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยที่ ๑ เป็นส่วนตัว จำเลยที่ ๒ ในฐานะเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๙๒ ย่อมมีสิทธิจดทะเบียนให้ที่ดินของตนตกอยู่ในภาระจำยอมได้ สัญญาเข้าหุ้นส่วนทำการค้าที่ดินเป็นนิติกรรมผูกพันระหว่างโจทก์กับบุคคลอื่น ไม่เกี่ยวกับจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๓ เพียงแต่ลงชื่อเป็นพยานในนิติกรรมจดทะเบียนภาระจำยอม จำเลยทั้งสามไม่ได้ฉ้อฉล โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ไปจดทะเบียนเพิกถอนภาระจำยอมที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๙๒ แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๘๗๑๕ แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร ณ สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานครหากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามก็ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒
โจทก์ จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาข้อแรกว่า สัญญาเข้าหุ้นส่วนเอกสารหมาย จ.๑ ผูกพันบริษัทไต้ล้งค้าเหล็ก จำกัด หรือไม่ เห็นว่า สัญญาเข้าหุ้นส่วนเอกสารหมาย จ.๑ ได้ทำที่บริษัทไต้ล้งค้าเหล็ก จำกัด ลงวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๒๐ มีข้อความว่าบริษัทไต้ล้งค้าเหล็ก จำกัด โจทก์ และนายสุพัฒน์ สิริจันทกุล ตกลงเข้าหุ้นกันทำการค้าเกี่ยวกับที่ดินเพื่อหากำไรโดยได้มอบให้โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินโฉนดที่ ๑๘๗๑๔ จากนางวิเชียร พลอยบุศย์ ในราคา ๑,๗๔๓,๐๐๐ บาท และให้จำเลยที่ ๑ ซื้อที่ดิน ( ที่พิพาท ) จากนางสาวน้ำทอง คุณวิศาล ในราคา ๔๐๐,๐๐๐ บาทถ้วน ฯลฯ แม้จำเลยที่ ๑ ได้ลงชื่อในสัญญาโดยไม่ได้ประทับตราสำคัญบริษัทไต้ล้งค้าเหล็ก จำกัดด้วย แต่ใต้ลายมือชื่อของจำเลยที่ ๑ มีข้อความว่า ( บริษัทไต้ล้งค้าเหล็ก จำกัด โดยนายประเวศน์ มานะศิริสุทธิ์ ) กำกับไว้ด้วย และบริษัทไต้ล้งค้าเหล็ก จำกัด ได้ยอมรับเอาประโยชน์จากสัญญาดังกล่าวแล้ว ดังจะเห็นได้จากเมื่อโจทก์ซื้อที่ดินโฉนดที่ ๑๘๗๑๔ จากนางวิเชียรตามสัญญาเข้าหุ้นส่วน ในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์บริษัทไต้ล้งค้าเหล็ก จำกัด ได้ให้ใส่ชื่อนายจีรวัฒน์ ขจรชัยกุล กรรมการคนหนึ่งของบริษัทไต้ล้งค้าเหล็ก จำกัด เป็นผู้ซื้อและเป็นเจ้าของในโฉนดร่วมกับโจทก์ด้วย แสดงว่าบริษัทไต้ล้งค้าเหล็ก จำกัด ยอมรับเอาสัญญาดังกล่าวยอมผูกพันตามสัญญาดังกล่าวแล้ว ทั้งเมื่อขายที่ดินโฉนดที่ ๑๘๗๑๔ ให้แก่นายวิวัฒน์ จารุวัฒนวงศ์ ได้กำไรมา ๗๐๐,๐๐๐ บาท โจทก์ได้ส่วนแบ่งกำไรไป ๔๐๐,๐๐๐ บาท บริษัทไต้ล้งค้าเหล็ก จำกัด ได้ส่วนแบ่งกำไรไป ๓๐๐,๐๐๐ บาท มิใช่จำเลยที่ ๑ รับส่วนแบ่งกำไรไปเป็นส่วนตัว เมื่อฟังว่าบริษัทไต้ล้งค้าเหล็ก จำกัด ยอมผูกพันตามสัญญา เอกสารหมาย จ.๑ แล้ว ดังนั้นการที่จำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญาจะซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ ๒ ตามสัญญาแบ่งขายที่ดินเอกสารหมาย ล.๒ หรือ ล.๙ ซึ่งมีรูปที่ดินแบ่งขายตามเอกสารหมาย ล.๓ หรือ ล.๑๐ ในราคา ๔๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่ได้กำหนดไว้ในสัญญาเข้าหุ้นส่วนเอกสารหมาย จ.๑ ในสัญญาดังกล่าวระบุว่าจำเลยที่ ๒ ผู้ขาย ได้รับเงินมัดจำแล้ว ๑๐๐,๐๐๐ บาท ด้วยเช็คที่โจทก์สั่งจ่ายและจำเลยที่ ๑ ลงชื่อสลักหลัง โดยนำเข้าบัญชีฝากออมทรัพย์ธนาคารไทยทนุ จำกัด ทั้งได้ความว่าการไปติดต่อขอซื้อที่จากจำเลยที่ ๒ ได้ไปกันหลายคนมีโจทก์และนายแม้น เพชรวิฑูร ร่วมไปด้วย จึงฟังได้ว่า จำเลยที่ ๑ ซื้อที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ ๒ ในฐานะตัวแทนของห้างหุ้นส่วนระหว่างโจทก์กับบริษัทไต้ล้งค้าเหล็ก จำกัด แม้ในสัญญาแบ่งขายเอกสารหมาย ล.๒ หรือ ล.๙ จะระบุชื่อจำเลยที่ ๑ เป็นผู้ซื้อแต่เพียงผู้เดียวก็เป็นการกระทำตามหน้าที่ที่จำเลยที่ ๑ ได้รับมอบหมายจากสัญญาเข้าหุ้นส่วน แล้ววินิจฉัยต่อไปว่าที่จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ จดทะเบียนให้ที่พิพาทตกอยู่ในภาระจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินโฉนดที่ ๑๘๗๑๔ และโฉนดที่ ๑๘๗๑๕ ไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบและเสียหาย จึงไม่เป็นการฉ้อฉลดังโจทก์ฟ้อง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามไปจดทะเบียนเพิกถอนภาระจำยอมรายนี้ได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสิ้น