คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3654/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ข้อความที่โจทก์บรรยายฟ้องเป็นข้อความในคำฟ้องที่จำเลยที่ 1ยื่นฟ้องโจทก์ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยคำฟ้องของจำเลยที่ 1ที่จำเลยที่ 2 ได้นำไปพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ ข. เป็นข้อความในกระบวนพิจารณาคดีในศาลทั้งข้อความในคำฟ้องที่จำเลยที่ 1ยื่นฟ้องโจทก์ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ตามที่ได้ความจากคำฟ้องของ โจทก์ในคดีนี้กับที่จำเลยที่ 2 นำไปลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ ข. ก็ปรากฏว่าล้วนเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับข้อหาความผิดที่จำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์ทั้งสิ้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ประสงค์จะหมิ่นประมาทโจทก์ หากแต่เพื่อประโยชน์แก่คดีของจำเลยที่ 1 ที่ฟ้องโจทก์เท่านั้น การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 และข้อความที่จำเลยที่ 2 นำไปลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ ข. นอกจากข้อเท็จจริงจะฟังได้ ตามคำฟ้องของโจทก์ในคดีนี้ว่าเป็นข้อความในคำฟ้องที่จำเลยที่ 1 ยื่นฟ้องโจทก์ต่อศาลดังกล่าวแล้ว ยังได้ความอีกว่าการกระทำของ จำเลยที่ 2 เป็นการเผยแพร่คำฟ้องไม่มีข้อความอื่นนอกเหนืออันจะ ส่อแสดงให้เห็นเจตนาไม่สุจริตของจำเลยที่ 2 การที่จำเลยที่ 2 นำข้อความดังกล่าวลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ ข. จึงเป็น การรายงานข่าวเรื่องที่โจทก์ถูกจำเลยที่ 1 ฟ้องคดีอาญาต่อ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้แจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรม เรื่องการดำเนินการอันเปิดเผยในศาลโดยสุจริต จำเลยที่ 2 จึงได้รับ ความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(4) ไม่เป็นความผิด ฐานหมิ่นประมาทและดูหมิ่นเจ้าพนักงาน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์รับราชการตำรวจ ตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จำเลยที่ 1 รับราชการตำรวจ ตำแหน่งผู้บังคับการส่วนตรวจราชการ 3 จเรตำรวจจำเลยที่ 2 เป็นบรรณาธิการ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์ข่าวสด จำเลยทั้งสองร่วมกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน คือ จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์โดยการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ข่าวสดต่อบุคคลที่สาม โดยจำเลยที่ 1 เจตนาให้จำเลยที่ 2 นำข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ที่จำเลยที่ 1 ยื่นฟ้องโจทก์ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ข่าวสด ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91, 136, 326, 328 พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484มาตรา 4, 48 และให้จำเลยทั้งสองโฆษณาคำพิพากษาของศาล(ฉบับเต็ม) ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ แนวหน้า มติชน และข่าวสดโดยใช้ขนาดตัวอักษรสูง 2 มิลลิเมตร ความกว้าง 1.5 มิลลิเมตรเป็นเวลา 15 วันติดต่อกันโดยให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันเป็นผู้ชำระค่าโฆษณาทั้งหมด กับห้ามจำเลยที่ 2 ประกอบอาชีพเกี่ยวกับหนังสือพิมพ์เป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันพ้นโทษตามคำพิพากษา

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกา

ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ไม่ค้าน เนื่องจากคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136, 326 และ 328 ความผิดตามมาตรา 326 และ 328 เป็นความผิดต่อส่วนตัว โจทก์จะถอนฟ้องในเวลาใดก่อนคดีถึงที่สุดก็ได้ เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ค้านจึงอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้และสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) จึงให้จำหน่ายคดีเฉพาะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 จากสารบบความสำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 136 ไม่ใช่คดีความผิดต่อส่วนตัว เมื่อโจทก์ขอถอนฟ้องหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว จึงไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องในความผิดฐานดังกล่าว

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “การกระทำของจำเลยทั้งสองตามที่โจทก์บรรยายฟ้องเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทและดูหมิ่นเจ้าพนักงานหรือไม่ ตามคำฟ้องข้อ 2 โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์หลายกรรมต่างกันโดยโจทก์แยกการหมิ่นประมาทในแต่ละกรรมเป็นข้อ ก. และข้อ ข. และในแต่ละข้อดังกล่าวโจทก์แยกเป็น 2 ย่อหน้า ย่อหน้าแรกของคำฟ้องข้อ ก. และข้อ ข. ในแต่ละข้อโจทก์ระบุว่าจำเลยที่ 1 เจตนาให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบรรณาธิการ ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา หนังสือพิมพ์ข่าวสดนำข่าวเพื่อไขข่าวแพร่หลาย โดยนำข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ที่จำเลยที่ 1ยื่นฟ้องโจทก์ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ข่าวสดและจำเลยที่ 2 ได้ลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ข่าวสดซึ่งข้อความตามที่ปรากฏในย่อหน้าที่สองของคำฟ้องข้อ ก. และข้อ ข.จำนวน 2 ฉบับตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 และ 2 นอกจากนี้โจทก์ยังบรรยายฟ้องข้อ 3 ต่อไปว่า เมื่อผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้เจ้าพนักงานศาล สื่อมวลชนต่าง ๆ และประชาชนได้ยิน ได้ทราบ และได้อ่านข้อความคำฟ้องที่จำเลยที่ 1 ยื่นฟ้องโจทก์ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้และที่จำเลยที่ 2 ได้เผยแพร่คำฟ้องหมิ่นประมาทโจทก์ตามคำฟ้องข้อ ก.และข้อ ข. ในหนังสือพิมพ์ข่าวสดตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 และ 2 แล้ว ทำให้บุคคลดังกล่าวมาข้างต้นเชื่อว่าโจทก์ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นคนไม่ดีไม่มีคุณธรรม มีเจตนากลั่นแกล้งจำเลยที่ 1 ให้ต้องรับโทษทางอาญา เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย

พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ยืนยันในคำฟ้องคดีนี้อย่างแจ้งชัดว่าข้อความที่จำเลยที่ 2 นำไปลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ข่าวสดตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 และ 2 ซึ่งโจทก์นำมาบรรยายไว้ในฟ้องข้อ 2 ก. และข้อ 2 ข. เป็นข้อความในคำฟ้องที่จำเลยที่ 1 ยื่นฟ้องโจทก์ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้เป็นข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ โดยไม่ปรากฏว่าเป็นคำให้สัมภาษณ์ของจำเลยที่ 1 ดังที่โจทก์ฎีกาแต่ประการใดข้อเท็จจริงจึงฟังเป็นยุติได้ว่า ข้อความที่โจทก์บรรยายฟ้องไว้ในข้อ 2 ก. และข้อ ข. กับข้อความตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 และ 2 เป็นข้อความในคำฟ้องที่จำเลยที่ 1 ยื่นฟ้องโจทก์ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ คำฟ้องของจำเลยที่ 1 และที่จำเลยที่ 2 ที่นำไปพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ข่าวสดดังกล่าวเป็นข้อความในกระบวนพิจารณาคดีในศาล ทั้งข้อความในคำฟ้องที่จำเลยที่ 1 ยื่นฟ้องโจทก์ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ตามที่ได้ความจากคำฟ้องของโจทก์ข้อ 2 ก. และข้อ 2 ข. ในคดีนี้กับที่จำเลยที่ 2 นำไปลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ข่าวสดตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 และ 2 ก็ปรากฏว่าล้วนเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับข้อหาความผิดที่จำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์ทั้งสิ้นถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ประสงค์จะหมิ่นประมาทโจทก์ หากแต่เพื่อประโยชน์แก่คดีของจำเลยที่ 1 ที่ฟ้องโจทก์เท่านั้น การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 สำหรับข้อความที่จำเลยที่ 2 นำไปลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ข่าวสด ตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 และ 2 จำนวน 2 ฉบับ นั้น นอกจากข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามคำฟ้องของโจทก์ในคดีนี้ว่าเป็นข้อความในคำฟ้องที่จำเลยที่ 1 ยื่นฟ้องโจทก์ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ดังได้วินิจฉัยมาแล้วข้างต้นแล้ว เมื่ออ่านคำฟ้องข้อ 3 แล้ว คดียังได้ความอีกว่า การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นการเผยแพร่คำฟ้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามคำฟ้องของโจทก์คดีนี้ไม่ปรากฏว่า การที่จำเลยที่ 2 นำข้อความในคำฟ้องที่จำเลยที่ 1 ยื่นฟ้องโจทก์ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ไปลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ข่าวสดนั้น มีข้อความอื่นนอกเหนือไปจากนั้นอันจะส่อแสดงให้เห็นเจตนาไม่สุจริตของจำเลยที่ 2 การที่จำเลยที่ 2 นำข้อความดังกล่าวลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือข่าวสดตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 และ 2 จึงเป็นการรายงานข่าวเรื่องที่โจทก์ถูกจำเลยที่ 1 ฟ้องคดีอาญาต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ถือได้ว่า จำเลยที่ 2 ได้แจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมเรื่องการดำเนินการอันเปิดเผยในศาลโดยสุจริต จำเลยที่ 2 จึงได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(4) ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทและดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามฟ้องเช่นนั้น ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยที่ 2 เสนอข่าวเกี่ยวกับโจทก์ในทำนองเดียวกันเป็นเวลาหลายวันติดต่อกันโดยเจตนาทำลายชื่อเสียงของโจทก์นั้น เห็นว่า ตามคำฟ้องโจทก์คดีนี้ โจทก์ระบุว่าจำเลยที่ 2 นำคำฟ้องที่จำเลยที่ 1 ยื่นฟ้องโจทก์ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ข่าวสดฉบับวันที่ 25 มีนาคม 2542 และฉบับวันที่ 31 มีนาคม 2542 ตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 และ 2 ซึ่งตามเอกสารท้ายฟ้องดังกล่าวปรากฏข้อความไว้อย่างชัดแจ้งว่า หนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันที่ 25 มีนาคม 2542 เป็นการเสนอคำฟ้องที่จำเลยที่ 1 ยื่นฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2542 ส่วนฉบับวันที่ 31 มีนาคม 2542 เสนอคำฟ้องที่จำเลยที่ 1 ยื่นฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2542 อีกคดีหนึ่ง การที่จำเลยที่ 2 นำคำฟ้องที่จำเลยที่ 1 ยื่นฟ้องโจทก์ในแต่ละคดีไปลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ข่าวสดคดีละฉบับ เป็นเพียงการเสนอข่าวเหตุการณ์ประจำวันที่เกิดขึ้นในแต่ละวันซึ่งเป็นหน้าที่ของหนังสือพิมพ์แต่ละฉบับจะต้องกระทำ จึงไม่เป็นข้อแสดงว่าจำเลยที่ 2 เจตนาทำลายชื่อเสียงของโจทก์ และถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 เสนอข่าวหรือแจ้งข่าวโดยไม่สุจริต อันจะเป็นผลให้จำเลยที่ 2 ไม่ได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(4) ดังที่ฎีกา ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share