แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
บิดาของโจทก์เช่าตึกแถวจากผู้ให้เช่า ต่อมาโจทก์ได้รับโอนสิทธิการเช่าต่อจากบิดาซึ่งถึงแก่กรรม แล้วโจทก์โอนสิทธิการเช่านี้ให้แก่ธนาคารโดยได้เงินตอบแทน 2,000,000 บาท ในประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่า สิทธิการเช่าตึกแถวพิพาทนี้เป็นทรัพย์มรดกหรือไม่ ภาระการพิสูจน์ตกแก่โจทก์เมื่อโจทก์มิได้ระบุพยานภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และไม่ได้รับอนุญาตจากศาลให้ระบุพยานได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบ ซึ่งหมายความว่าโจทก์ไม่สามารถนำสืบให้เห็นได้ตามข้ออ้างที่ว่าสิทธิการเช่าตึกแถวพิพาทเป็นทรัพย์มรดก เช่นนี้ การโอนสิทธิการเช่าตึกแถวพิพาทของโจทก์จึงฟังมิได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินที่ได้มาโดยทางมรดกและมิได้มุ่งในทางการค้าหรือหากำไร ดังนั้น โจทก์จึงไม่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินค่าตอบแทนจำนวน 2,000,000 บาท มาคำนวณภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 42(9) ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ จำเลยให้การว่า การประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของเจ้าพนักงานของจำเลยที่ 1 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ชอบด้วยกฎหมายแล้ว โจทก์มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน จึงไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบ ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “ประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีคงเหลืออยู่ว่า การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ในส่วนที่เกี่ยวกับรายได้ซึ่งเป็นเงินค่าตอบแทนจากการโอนสิทธิการเช่าตึกแถว 2,000,000 บาทที่โจทก์ได้รับจากธนาคารออมสินนั้น เป็นการชอบหรือไม่ โจทก์อ้างว่า โจทก์ได้รับโอนสิทธิการเช่าดังกล่าวมาจากนายดิส กิจไพบูลย์ บิดาโจทก์ จึงเป็นการได้มาโดยทางมรดกและมิได้มุ่งในทางการค้าหรือหากำไร สิทธิการเช่าตึกแถวเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งของโจทก์ตามกฎหมาย โจทก์โอนสิทธิการเช่าตึกนั้นให้แก่ธนาคารออมสินโดยได้รับเงินค่าตอบแทน 2,000,000บาท จึงเป็นการขายสิทธิการเช่าอันเป็นทรัพย์สินของโจทก์ โดยมิได้มุ่งในทางการค้าหรือหากำไร และข้อเท็จจริงที่จำเลยรับแล้วได้ความว่าโจทก์ได้แจ้งขอยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ในแบบยื่นรายการแสดงภาษีเงินได้ประจำปี พ.ศ. 2524 แล้ว ส่วนจำเลยต่อสู้ว่าสิทธิการเช่าดังกล่าวเป็นสิทธิเฉพาะตัวของนายดิสผู้ตาย มิใช่เป็นทรัพย์มรดกของผู้ตายดังนั้นการที่โจทก์โอนสิทธิการเช่าให้ธนาคารออมสิน จึงมิใช่เป็นการโอนทรัพย์มรดก เงินค่าตอบแทนที่โจทก์ได้รับจึงมิได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้ตามมาตรา42(9) แห่งประมวลรัษฎากร แต่เงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินได้อันเนื่องมาจากการโอนสิทธิเช่นเดียวกับสิทธิอย่างอื่นตามความหมายในมาตรา 40(3) แห่งประมวลรัษฎากร เช่นนี้ ข้อเท็จจริงสำคัญแห่งคดีในประการแรกที่จะต้องวินิจฉัยจึงมีว่า สิทธิการเช่าตึกแถวพิพาทนี้เป็นทรัพย์มรดกหรือไม่ ซึ่งคู่ความจะต้องนำสืบให้เห็นตามข้ออ้างและข้อเถียงของตนเสียก่อน คดีนี้ภาระการพิสูจน์ตกโจทก์แต่โจทก์มิได้ระบุพยานภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ และไม่ได้รับอนุญาตจากศาลให้ระบุพยานได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบซึ่งหมายความว่าโจทก์ไม่สามารถนำสืบให้เห็นได้ตามข้ออ้างที่ว่าสิทธิการเช่าตึกแถวพิพาทเป็นทรัพย์มรดก เช่นนี้ การโอนสิทธิการเช่าตึกแถวพิพาทของโจทก์จึงฟังมิได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินที่ได้มาโดยทางมรดก และมิได้มุ่งในทางการค้าหรือหากำไร ดังนั้นแม้โจทก์จะได้แจ้งขอยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ในแบบยื่นรายการแสดงภาษีเงินได้ไว้ ก็หาทำให้โจทก์ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำค่าตอบแทนจำนวน 2,000,000 บาท ที่โจทก์ได้รับเนื่องในการโอนสิทธิการเช่านั้นมาคำนวณภาษีเงินได้ตามมาตรา 42(9) แห่งประมวลรัษฎากรที่บังคับใช้ในขณะนั้นไม่ การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 จึงชอบแล้ว”
พิพากษายืน