คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3651/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามประกาศของคณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้นฯ ที่ดินของจำเลยถูกเวนคืนเนื้อที่ 42 ตารางวา และ จำเลยไปทำสัญญาซื้อขายที่ดินที่ถูกเวนคืนกับโจทก์ในจำนวนเนื้อที่ 42 ตารางวา โดยได้รับเงินค่าทดแทนที่ดินที่ ถูกเวนดังกล่าวทั้งหมดแล้ว และจำเลยได้ส่งมอบที่ดินที่ถูกเวนคืนเนื้อที่ 42 ตารางวาซึ่งอยู่ในเขตเวนคืนให้โจทก์ครบถ้วนตามสัญญาซื้อขายดังกล่าว แม้โจทก์ใช้เนื้อที่ดินที่เวนคืนมาไม่หมดคงใช้ประโยชน์เพียง 28 ตารางวาก็ตาม ก็มิใช่เป็นกรณีที่เกิดจากการรังวัดคลาดเคลื่อนในจำนวนเนื้อที่ดินที่ซื้อขายกัน ดังนั้น กรรมสิทธิ์ในที่ดิน 42 ตารางวาย่อมตกเป็นของโจทก์โดยสมบูรณ์แล้วตามมาตรา 11 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ. ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 และไม่มีกฎหมายใดให้สิทธิหรือให้อำนาจโจทก์คืนที่ดินที่เวนคืนไปแล้ว แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ตาม วัตถุประสงค์ของการเวนคืนให้แก่เจ้าของเดิม โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกให้จำเลยคืนเงินค่าทดแทนที่ดินจำนวน 14 ตารางวา ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งเก้าร่วมกันชำระเงินค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืนจำนวน 581,782.61 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 562,257.64 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งเก้าให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า โจทก์มีสิทธิเรียกให้จำเลย คืนเงินค่าทดแทนที่ดินจำนวน 14 ตารางวา ได้หรือไม่ เห็นว่า คณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้นฯ ได้ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินค่าทดแทนและจำนวนเงินค่าทดแทน โดยที่ดินโฉนดเลขที่ 8153 ของจำเลยถูกเวนคืนบางส่วนเป็น เนื้อที่ 42 ตารางวา จำเลยกับโจทก์จึงได้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินที่ถูกเวนคืนในจำนวนเนื้อที่ 42 ตารางวา เป็นเงิน 1,617,000 บาท ซึ่งมีเงื่อนไขให้โจทก์แบ่งจ่ายเงินเป็น 2 งวด งวดที่ 1 จ่ายให้ร้อยละ 75 จะจ่ายให้เมื่อผู้ขายได้นำโฉนดที่ดินหรือหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินอย่างอื่นไปยื่นขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้ว งวดที่ 2 จ่ายส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 25 ให้ในวันที่ผู้ขายไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินให้แก่ผู้ซื้อ และผู้ขายได้รื้อถอนโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างรวมทั้งทรัพย์สินอื่น ๆ ออกไปจากที่ดินที่ถูกเวนคืนทั้งหมดแล้ว ซึ่งเมื่อจำเลยได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญาถูกต้องครบถ้วน และโจทก์ได้ชำระเงินค่าทดแทนที่ดินกับได้ชำระเงิน ค่าทดแทนที่ดินเพิ่มขึ้นให้จำเลยรับไป ที่โจทก์อ้างว่า โจทก์ชำระเงินค่าทดแทนที่ดินในจำนวนเนื้อที่ 42 ตารางวา ให้จำเลยรับไปก่อน แต่ที่ดินของจำเลยที่ถูกเวนคืนจริงหลังทำการรังวัดมีเนื้อที่เพียง 28 ตารางวา จำเลยจึงรับเงิน ค่าทดแทนที่ดินเกินไป 14 ตารางวา ซึ่งตามสัญญาซื้อขายดังกล่าวมีเงื่อนไขว่า ถ้ามีการคลาดเคลื่อนในจำนวนเนื้อที่ดิน ที่ซื้อขายตามความเป็นจริงที่ได้จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมแล้ว นั้น เห็นว่า ตามประกาศของคณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้นฯ ที่ดินของจำเลยถูกเวนคืนเนื้อที่ 42 ตารางวา และจำเลยไปทำสัญญาซื้อขายที่ดินที่ถูกเวนคืนกับโจทก์ในจำนวนเนื้อที่ 42 ตารางวา โดยได้รับเงินค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืนดังกล่าวทั้งหมดแล้ว และจำเลยได้ส่งมอบที่ดิน ที่ถูกเวนคืนเนื้อที่ 42 ตารางวาซึ่งอยู่ในเขตเวนคืนให้โจทก์ครบถ้วนตามสัญญาซื้อขายดังกล่าว แม้โจทก์ใช้เนื้อที่ดิน ที่เวนคืนมาไม่หมดคงใช้ประโยชน์เพียง 28 ตารางวาก็ตาม ก็มิใช่เป็นกรณีที่เกิดจากรังวัดคลาดเคลื่อนในจำนวน เนื้อที่ดินที่ซื้อขายกัน ดังนั้น กรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้ง 42 ตารางวา ย่อมตกเป็นของโจทก์โดยสมบูรณ์แล้ว ตามมาตรา 11 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ. ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 และไม่มีกฎหมายใดให้สิทธิหรือให้อำนาจโจทก์คืนที่ดินที่เวนคืนไปแล้วแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของการเวนคืนแก่เจ้าของเดิม โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกให้จำเลยคืนเงินค่าทดแทนที่ดินจำนวน 14 ตารางวาที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share