แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ผู้ตายกับพวกร่วมกันดื่มสุราโดยมีจำเลยนั่งอยู่ด้วย ผู้ตายจับไหล่นมและแขนจำเลย จำเลยโกรธเดินออกจากบ้านผู้ตาย ผู้ตายยังเดินตามเข้ามา กอด จำเลยทางด้านหลัง ฉุดและกอดปล้ำจนจำเลยล้มลงผู้ตายขึ้นนั่งทับหน้าท้องจำเลยพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อของตนและของจำเลย จำเลยจึงใช้มีดที่ติดตัวมาแทงผู้ตายถึงแก่ความตาย แม้มีบาดแผลถึง 30 แผล แต่เป็นการแทงติดต่อกันไปซึ่งจำเลยไม่อาจทราบได้ว่าภยันตรายดังกล่าวหมดไปแล้วหรือไม่ ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันแต่กระทำไปเกินสมควรแก่เหตุ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 69
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288จำเลยให้การว่าแทงผู้ตายเพราะผู้ตายใช้กำลังปลุกปล้ำเพื่อจะข่มขืนกระทำชำเราจำเลย เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย นายโพธิ์บิดาผู้ตายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 69 จำคุก4 ปี โจทก์ร่วมและจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้อัตราโทษเป็นว่าจำคุกจำเลย 1 ปี และให้รอการลงโทษไว้ โจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเป็นยุติฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2528 เวลาประมาณ 20 นาฬิกา นายชลอ พยัฆเนตรผู้ตายกลับเข้าบ้านพักในซอยหลังโรงน้ำแข็ง แขวงสีกัน เขตบางเขนกรุงเทพมหานคร และร่วมดื่มสุรากับนายมนู สุรเดช นายอนุศักดิ์นามวัง พลทหารสุชาติ พงษ์หัตถาศิลป์ โดยมีจำเลยนั่งอยู่ด้วยนายชลอได้จับไหล่ นม และแขนจำเลย จำเลยและนายมนูห้าม แต่นายชลอไม่เชื่อฟัง จำเลยโกรธบอกว่าจะไปแจ้งความต่อตำรวจ และเดินออกจากบ้าน นายชลอเดินตามเข้ามากอดจำเลยทางด้านหลัง และฉุด กอดปล้ำจนจำเลยล้มลง นายชลอขึ้นนั่งทับหน้าท้องจำเลย พร้อมกับปลดกระดุมเสื้อของนายชลอและของจำเลย จำเลยจึงใช้มีดที่ติดตัวมาด้วยแทงนายชลอตามลำตัว 30 แผล ปรากฏรายละเอียดตามรายงานการตรวจศพเอกสารหมาย จ.16 นายชลอล้มลงและถึงแก่ความตาย จำเลยจึงวิ่งกลับไปบ้านของจำเลย คดีมีปัญหาว่า การที่จำเลยใช้อาวุธมีดแทงนายชลอดังกล่าวเป็นการกระทำโดยป้องกัน แต่กระทำไปเกินสมควรแก่เหตุหรือไม่ และสมควรรอการลงโทษจำคุกจำเลยหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า ขณะเกิดเหตุเป็นเวลาประมาณ 20 นาฬิกา นายชลอผู้ตายมีอาการเมาสุราลวนลามจับไหล่ นมและแขนจำเลยมาก่อนเกิดเหตุเล็กน้อย จำเลยห้ามก็ไม่เชื่อฟัง ครั้นจำเลยเดินหนีมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งปรากฏตามบันทึกการตรวจที่เกิดเหตุเอกสารหมาย จ.19ว่าเป็นถนนดินไม่มีไฟฟ้า นายชลอก็ยังเดินตามมากอดปล้ำและนั่งทับจำเลยในลักษณะจะข่มขืนกระทำชำเราจำเลย จำเลยเป็นหญิงอายุ22 ปี ย่อมมีสิทธิป้องกันตัวเองให้พ้นจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงได้แม้จะฟังว่านายชลอล้มลง จำเลยยังแทงซ้ำดังฎีกาโจทก์ร่วม แต่จำเลยก็ได้แทงนายชลอติดต่อกันไปซึ่งตามพฤติการณ์ดังกล่าวจำเลยไม่อาจจะทราบได้ว่าภยันตรายดังกล่าวจะหมดไปแล้วหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าการที่จำเลยใช้อาวุธมีดที่ติดตัวแทงนายชลอถึงแก่ความตายเป็นการป้องกัน แต่กระทำไปเกินสมควรแก่เหตุ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 69 เมื่อคำนึงถึงพฤติการณ์แห่งคดี อายุ เพศของจำเลยและสภาพความผิดแล้ว สมควรได้รับการปรานีให้วางโทษและรอการลงโทษไว้ดังศาลอุทธรณ์วินิจฉัยซึ่งศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน