แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้การที่โจทก์ซึ่งเป็นคนต่างด้าวต้องมีใบสำคัญประจำตัวตามบทบัญญัติของ พระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ. 2493 ไม่ได้ยื่นคำร้องขอใบสำคัญประจำตัวต่อจำเลยภายในกำหนดเวลา 30 วัน นับแต่วันที่ได้รู้หรือควรรู้ว่าโจทก์ได้เสียไปซึ่งสัญชาติไทยตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 8ของพระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ.2493 อันทำให้โจทก์ต้องได้รับโทษตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 21ของพระราชบัญญัตินั้นแล้วก็ตาม แต่โจทก์ก็ยังมีหน้าที่ต้องดำเนินการเพื่อให้โจทก์มีใบสำคัญประจำตัวต่อไปแม้จะพ้นกำหนด 30 วัน ดังกล่าว มิฉะนั้นแล้วโจทก์ย่อมมีความผิดตามมาตรา 20 ของ พระราชบัญญัติดังกล่าวโจทก์จึงมีสิทธิให้จำเลยออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้โจทก์ได้(เทียบ ฎ.3454-3458/2536)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์เป็นคนต่างด้าวซึ่งถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 337ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ต้องมีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามพระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ. 2493มาตรา 5, 8 และ 21 โจทก์จึงได้ร้องขอต่อจำเลยซึ่งเป็นนายทะเบียนคนต่างด้าวให้ออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้แก่โจทก์แต่จำเลยไม่ยอมออกให้ว่าให้ระงับไว้ก่อนจึงขอให้บังคับจำเลยออกใบสำคัญประจำคนต่างด้าวให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยปฏิเสธไม่ยอมออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้แก่โจทก์ จำเลยได้เสนอคำร้องขอให้ออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวของโจทก์พร้อมเอกสารหลักฐานไปยังผู้บังคับการกองทะเบียนคนต่างด้าวและภาษีอากรเพื่อพิจารณาอนุมัติตามระเบียบของกรมตำรวจแล้ว แต่จำเลยยังไม่ได้รับแจ้งผลการพิจารณา จำเลยจึงยังไม่ได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งโจทก์ไม่ได้ยื่นคำร้องดังกล่าวภายใน30 วันนับแต่วันที่โจทก์ได้รู้ว่าโจทก์เสียสัญชาติไทยโจทก์จึงหมดสิทธิที่จะขอมีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มิได้ยื่นคำร้องขอใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวภายใน 30 วันนับแต่วันที่โจทก์รู้ว่าได้เสียไปซึ่งสัญชาติไทย โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องให้จำเลยออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้แก่โจทก์นั้นเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ. 2493 มาตรา 4, 5, 8, 20 และ 21ได้บัญญัติไว้ชัดแจ้งกำหนดให้คนต่างด้าวคือคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยตามกฎหมายต้องมีใบสำคัญประจำตัวของคนต่างด้าวซึ่งนายทะเบียนได้ออกให้ตามพระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าวโดยผู้ฝ่าฝืนมีความผิดทางอาญา ดังนั้น เมื่อโจทก์ถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 337ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 โจทก์จึงเป็นคนต่างด้าวโดยเป็นคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติและต้องมีใบสำคัญประจำตัวตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ.2493 และแม้โจทก์ไม่ได้ยื่นคำร้องขอใบสำคัญประจำตัวต่อจำเลยภายในกำหนดเวลา30 วัน นับแต่วันที่ได้รู้หรือควรรู้ว่าโจทก์ได้เสียไปซึ่งสัญชาติไทยตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 8 ของพระราชบัญญัติดังกล่าวอันทำให้โจทก์ต้องได้รับโทษตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 21 ของพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้วก็ตาม แต่โจทก์ก็ยังต้องมีหน้าที่ต้องดำเนินการเพื่อให้โจทก์มีใบสำคัญประจำตัวต่อไปเพราะหากโจทก์ไม่มีใบสำคัญประจำตัวแล้วโจทก์ย่อมมีความผิดตามมาตรา 20 ของพระราชบัญญัติดังกล่าวดังนั้นแม้พ้นกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่โจทก์ได้รู้หรือควรรู้ว่าตนได้เสียไปซึ่งสัญชาติไทย โจทก์ก็ยังคงมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้จำเลยออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้แก่โจทก์ได้
พิพากษายืน