คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2534

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

สัญญาเช่าซื้อระบุว่า ตั้งแต่วันที่ผู้เช่าซื้อได้รับมอบทรัพย์สินที่เช่าซื้อเป็นต้นไป หากเกิดความเสียหายใด ๆ แก่ทรัพย์สินที่เช่าซื้อในระหว่างอายุสัญญาเช่าซื้อ ผู้เช่าซื้อยินยอมรับผิดชดใช้เงินค่าเช่าซื้อที่ยังค้างชำระอยู่ทั้งสิ้น ข้อสัญญาดังกล่าวแสดงวัตถุประสงค์อยู่ในตัวว่าผู้ให้เช่าซื้อต้องการราคาค่าเช่าซื้อเป็นสำคัญ เมื่อผู้ให้เช่าซื้อทราบว่ารถจักรยานยนต์ของกลางถูกยึดแล้ว ผู้ให้เช่าซื้อก็ยังคงรับค่าเช่าซื้อต่อมาอีกไม่ได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อหรือติดตามเอารถจักรยานยนต์คืน ทั้งผู้ให้เช่าซื้อไม่เคยไปขอรับรถจักรยานยนต์ของกลางคืนจากพนักงานสอบสวนการที่ผู้ให้เช่าซื้อขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลางจึงเป็นไปเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ถือได้ว่าผู้ให้เช่าซื้อรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ผู้ให้เช่าซื้อจึงไม่มีสิทธิร้องขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลาง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 336, 336 ทวิ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 13ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยและสั่งริบรถจักรยานยนต์ของกลางผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถจักรยานยนต์ของกลาง และมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วย ขอให้สั่งคืนของกลางแก่ผู้ร้องโจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องมิได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรถจักรยานยนต์ของกลาง ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการที่จำเลยได้นำรถจักรยานยนต์ของกลางไปใช้ในการกระทำความผิด ขอให้ยกคำร้องศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้คืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับให้ยกคำร้องผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ได้ความจากการนำสืบของผู้ร้องว่าผู้ร้องเป็นผู้ให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางแก่ผู้รับมอบอำนาจไปตามหนังสือสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย ร.2 แต่ตามสัญญาเช่าซื้อดังกล่าวได้ระบุไว้ในข้อ 9 ว่า ตั้งแต่วันที่ผู้เช่าซื้อได้รับมอบทรัพย์สินที่เช่าซื้อเป็นต้นไป หากเกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินที่เช่าซื้อในระหว่างอายุสัญญาเช่าซื้อ เช่น ถูกขโมย ต้องอัคคีภัยวาตภัย อุบัทวเหตุใด ๆ หรือการกระทำใด ๆ จนทรัพย์สินที่เช่าซื้อเสียหาย หรือสูญหาย ผู้เช่าซื้อยินยอมรับผิดชดใช้เงินค่าเช่าซื้อที่ยังค้างชำระอยู่ทั้งสิ้น ข้อสัญญาดังกล่าวแสดงวัตถุประสงค์อยู่ในตัวว่า ผู้ให้เช่าซื้อต้องการราคาค่าเช่าซื้อเป็นสำคัญไม่ว่าจะเกิดเหตุสุดวิสัยแก่รถจักรยานยนต์ที่ให้เช่าซื้อหรือไม่ เมื่อผู้ร้องทราบว่ารถจักรยานยนต์ของกลางถูกยึดแล้ว ผู้ร้องก็ยังรับค่าเช่าซื้อต่อมาอีก ไม่ได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อหรือติดตามเอารถจักรยานยนต์คืนแต่อย่างใด ทั้งผู้ร้องก็ไม่เคยไปขอรับรถจักรยานยนต์ของกลางคืนจากพนักงานสอบสวน พฤติการณ์ของผู้ร้องประกอบกับข้อสัญญาเช่าซื้อดังกล่าวมาแล้วมีเพียงต้องการค่าเช่าซื้อเท่านั้นผู้เช่าซื้อจะนำรถจักรยานยนต์ของกลางไปใช้อย่างไรก็ได้ การที่ผู้ร้องมาร้องขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลางจึงเป็นไปเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ถือได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ย่อมไม่มีสิทธิร้องขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลาง”
พิพากษายืน

Share