คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3646/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จะพิจารณาว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานแจ้งความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 174 วรรคสองหรือไม่ ศาลต้องพิจารณาเสียก่อนว่าจำเลยได้กระทำความผิดฐานแจ้งความเท็จ ตามมาตรา 172 หรือไม่ การกระทำความผิดตาม มาตรา 174 วรรคสองมีอัตราโทษอย่างสูงเกินสามปีไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 ทวิในกรณีเช่นนี้สำหรับความผิดฐานแจ้งความเท็จตาม มาตรา 172 จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย
การกระทำอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 174 วรรคสองได้นั้น จะต้องกระทำความผิดตาม มาตรา 172 เสียก่อน แม้โจทก์จะได้ฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงในความผิดตาม มาตรา 172 มาด้วยและศาลชั้นต้นสั่งรับไว้ก็ตามเมื่อศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริงดังกล่าว ดังนี้ ศาลฎีกาย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยตามลำดับชั้นของศาลเสียก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานแจ้งความเท็จและฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๒, ๑๗๔, ๑๗๗, ๘๓, ๙๑
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาในข้อหาความผิดฐานเบิกความเท็จ โดยเห็นว่า ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๐ คดีคงขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะจำเลยที่ ๑ ในข้อหาความผิดฐานแจ้งความเท็จ โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริง ในความผิดฐานแจ้งความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๒ โดยเห็นว่า ต้องห้ามอุทธรณ์เป็นการไม่ชอบ เพราะโจทก์มิได้อุทธรณ์เฉพาะแต่มาตรา ๑๗๒ หากได้อุทธรณ์มาตรา ๑๗๔ ด้วย ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์โจทก์บรรยายฟ้องและขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๔ วรรคสองด้วย การกระทำความผิดตามมาตรา ๑๗๔ วรรคสองจึงมีโทษอย่างสูงเกินสามปี ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๓ ทวิ ซึ่งแก้ไขแล้ว ตามบทบัญญัติมาตรา ๑๗๔ ดังกล่าวจะเห็นได้ว่า การกระทำอันจะเป็นความผิดตามมาตรา ๑๗๔ วรรคสองได้นั้น จะต้องกระทำความผิดตามมาตรา ๑๗๒ เสียก่อน ถ้าไม่ได้กระทำความผิดตามมาตรา ๑๗๒ ก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา ๑๗๔ วรรคสอง ดังนั้น ในการที่จะพิจารณาว่า จำเลยที่ ๑ ได้กระทำความผิดฐานแจ้งความเท็จตามมาตรา ๑๗๔ วรรคสองหรือไม่ ศาลอุทธรณ์ก็ต้องพิจารณาเสียก่อนว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานแจ้งความเท็จตามมาตรา ๑๗๒ หรือไม่ ในกรณีเช่นนี้จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงสำหรับความผิดฐานแจ้งความเท็จ ตามมาตรา ๑๗๒ คดีนี้แม้โจทก์จะฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงในความผิดฐานแจ้งความเท็จตามมาตรา ๑๗๒ มาด้วย และศาลชั้นต้นสั่งรับไว้ก็ตาม เมื่อศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้วินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยตามลำดับชั้นของศาล
พิพากษา ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เฉพาะเกี่ยวกับความผิดตามมาตรา ๑๗๒, ๑๗๔ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี นอกจากที่ยกให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share