คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3644/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องอ้างว่าได้เข้าหุ้นก่อสร้างอาคารร่วมกับผู้ร้อง ขอบังคับให้จำเลยไปจดทะเบียนการเช่าให้แก่ผู้เช่าในอัตราค่าเซ้งที่ต่ำกว่าค่าหุ้นที่ผู้ร้องลงทุนไป ถ้าหากศาลพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนการเช่าตามฟ้องผู้ร้องต้องขาดทุน ผลของคำพิพากษาย่อมกระทบต่อสิทธิหรือส่วนได้เสียของผู้ร้อง ดังนี้ ผู้ร้องมีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดี ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57(2) จึงร้องสอด เข้ามาเป็นคู่ความในคดีได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นหุ้นส่วนร่วมกับนายซ่งฮี้แซ่เตียว ในการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ 3 คูหา ในที่ดินของนางบุญสัณฑ์เล็กเลิศ จำเลยเป็นทายาทและเป็นผู้รับมรดกความของนางบุญสัณฑ์โจทก์ทั้งสองต้องการเซ้งอาคารดังกล่าวให้แก่นายสมชัย ตรีพัฒนพันธ์และแจ้งให้จำเลยไปจดทะเบียนการเช่าให้แก่นายสมชัย แต่จำเลยไม่ยอมไป จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยไปจดทะเบียนการเช่าดังกล่าว
จำเลยให้การว่า โจทก์ทั้งสองไม่ได้เป็นหุ้นส่วนร่วมกับนายซ่งฮี้ แซ่เตียว ลงทุนร่วมกันในการก่อสร้างอาคารพาณิชย์จำนวน3 คูหาลงในที่ดินของนางบุญสัณฑ์ เล็กเลิศ โจทก์กับนางบุญสัณฑ์ตกลงเลิกสัญญาปลูกสร้างอาคารดังกล่าวกันแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธินำอาคารดังกล่าวไปเซ้งให้แก่นายสมชัย ตรีพัฒนพันธ์ ขอให้ยกฟ้อง
ต่อมานายซ่งฮี้ แซ่เตียว ยื่นคำร้องว่า ผู้ร้อง โจทก์ที่ 1 และนางทองดี ภูจอมเดือน เป็นหุ้นส่วนร่วมกันก่อสร้างอาคารตามฟ้องโดยผู้ร้องลงทุนเป็นเงินคูหาละ 250,000 บาท รวม 3 คูหาเป็นเงิน 750,000 บาท ส่วนโจทก์ที่ 1 กับนางทองดีลงทุนรวมกันเพียง 57,314 บาทเท่านั้น แต่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยไปจดทะเบียนการเช่าให้แก่นายสมชัย ตรีพัฒนพันธ์ ในอัตราค่าเซ้งคูหาละ150,000 บาท ทำให้ผู้ร้องเสียหาย ผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในคดีจึงขอเข้าเป็นจำเลยร่วม
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ผู้ร้องฎีกาว่าผู้ร้องลงทุนสร้างอาคารตามฟ้องร่วมกับโจทก์ที่ 1 ไปเป็นเงิน 750,000 บาท แต่โจทก์กลับมาฟ้องให้จำเลยจดทะเบียนการเช่าอาคารตามฟ้องให้แก่นายสมชัย ตรีพัฒนพันธ์ ในราคา 450,000 บาท ทำให้ผู้ร้องเสียหายเป็นเงิน 300,000 บาท ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในผลแห่งคดีนั้น เห็นว่า เมื่อโจทก์ฟ้องอ้างว่าได้เข้าหุ้นก่อสร้างอาคารตามฟ้องร่วมกับผู้ร้องแล้วดังนี้ หากโจทก์ให้จำเลยจดทะเบียนการเช่าอาคารดังกล่าวให้แก่นายสมชัยในอัตราต่ำกว่าค่าหุ้นที่ผู้ร้องลงทุนไปจริงดังที่ผู้ร้องอ้าง เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนการเช่าตามฟ้อง ผู้ร้องต้องขาดทุน ผลของคำพิพากษาย่อมกระทบต่อสิทธิหรือส่วนได้เสียของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงได้ชื่อว่ามีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(2) ชอบที่ผู้ร้องจะร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความในคดีได้…”
พิพากษากลับ อนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้าเป็นคู่ความในคดีได้

Share