คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3636/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

เงินเพิ่มตาม พ.ร.บ.ศุลกากรฯ มาตรา 112 จัตวา มิใช่ดอกเบี้ยตาม ป.พ.พ. มาตรา 329 วรรคหนึ่ง ทั้งมาตราดังกล่าวมิใช่บทกฎหมายใกล้เคียงอันจะนำมาปรับใช้แก่คดีนี้ได้ โจทก์ไม่อาจนำเงินที่ผู้ค้ำประกันชำระมาหักชำระหนี้เพิ่มค่าอากรก่อนได้ กรณีนี้เป็นเรื่องลูกหนี้ต้องผูกพันต่อเจ้าหนี้ในอันจะกระทำการเพื่อชำระหนี้เป็นการอย่างเดียวกันโดยมูลหนี้หลายราย หนี้ถึงกำหนดชำระพร้อมกัน หนี้ค่าอากรเป็นรายที่ตกหนักที่สุดย่อมได้รับการปลดเปลื้องไปก่อนตาม ป.พ.พ. มาตรา 328 วรรคสอง ที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้นำเงินของผู้ค้ำประกันไปหักชำระค่าอากรก่อนเป็นการชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินค่าอากรและเงินเพิ่มจำนวน 26,371.78 บาท แก่โจทก์ พร้อมเงินเพิ่มอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนจากยอดอากรค้างชำระจำนวน 18,441.72 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 18,441.72 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2539 จำเลยนำเข้าสินค้าเม็ดพลาสติก โดยยื่นใบขนสินค้าพร้อมแบบแสดงรายการภาษีสรรพสามิตและภาษีมูลค่าเพิ่ม สำแดงว่าเป็นสินค้าที่นำเข้ามาเพื่อผลิตเพื่อการส่งออก ราคาสินค้าตามที่สำแดงจำนวน 448,861 บาท คิดเป็นอากรขาเข้า 134,658 บาท จำเลยขอให้ใช้หนังสือค้ำประกันของธนาคารกสิกรไทย จำกัด ค้ำประกันแทนการชำระค่าภาษีอากรที่ต้องเสีย เป็นเงิน 162,000 บาท ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มจำเลยชำระแล้ว เจ้าหน้าที่โจทก์รับหนังสือค้ำประกันและตรวจปล่อยสินค้าให้จำเลยรับไปเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2539 ต่อมาจำเลยปฏิบัติผิดเงื่อนไขคือไม่นำสินค้าดังกล่าวไปใช้ในการผลิตเพื่อส่งออกภายในกำหนด 1 ปี โจทก์แจ้งให้จำเลยนำค่าอากรมาชำระ ธนาคารส่งเงินแก่โจทก์เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2542 โจทก์นำเงินดังกล่าวจำนวน 162,000 บาท มาหักออกจากเงินเพิ่มที่จำเลยต้องชำระคำนวณถึงวันที่ธนาคารส่งเงินเป็นเวลา 34 เดือน จำนวน 45,783.72 บาท แล้วนำเงินที่เหลือหักชำระเป็นค่าอากรจำนวน 116,216.28 บาท ซึ่งไม่คุ้มค่าอากรคงเหลือจำนวนอากรที่ต้องชำระอีก 18,441.72 บาท โจทก์แจ้งให้จำเลยนำเงินค่าอากรที่ค้างพร้อมเงินเพิ่มมาชำระ จำเลยได้รับแล้ว แต่จำเลยเพิกเฉย มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า ที่ศาลภาษีอากรกลางให้นำเงินที่ผู้ค้ำประกันนำมาชำระไปหักชำระหนี้ค่าอากรก่อนเป็นการชอบหรือไม่ เห็นว่า เงินเพิ่มตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตาม 112 จัตวา มิใช่ดอกเบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 329 วรรคหนึ่ง ทั้งมาตราดังกล่าวหาใช่บทกฎหมายใกล้เคียงที่จะนำมาปรับใช้แก่คดีนี้ดังที่โจทก์อุทธรณ์ไม่ โจทก์ไม่อาจนำเงินที่ผู้ค้ำประกันชำระหนี้เงินเพิ่มค่าอากรก่อนได้ กรณีนี้เป็นเรื่องลูกหนี้ต้องผูกพันต่อเจ้าหนี้ในอันจะกระทำการเพื่อชำระหนี้เป็นการอย่างเดียวกันโดยมูลหนี้หลายราย หนี้ถึงกำหนดชำระพร้อมกัน หนี้ค่าอากรเป็นรายที่ตกหนักที่สุดย่อมได้รับการปลดเปลื้องไปก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 328 วรรคสอง ที่ศาลภาษีอากรกลางให้นำเงินของผู้ค้ำประกันไปหักชำระค่าอากรก่อนเป็นการชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share