คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3633/2533

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ตามประกาศของจำเลยในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมที่ให้คนญวนอพยพในเขตจังหวัดนครพนมผู้ที่มีอายุครบ 12 ปีขึ้นไปและผู้ที่มีบัตรประจำตัวคนญวนอพยพอยู่แล้วไปทำบัตรหรือเปลี่ยนบัตรที่ครบอายุ 2 ปีแล้วนั้น มีลักษณะเป็นประกาศทั่ว ๆ ไปไม่ใช่คำสั่งเฉพาะเจาะจง บังคับให้โจทก์ทั้งสี่ทำบัตรหรือเปลี่ยนบัตรประจำตัวญวนอพยพ และจำเลยมิได้มีคำสั่งถอนสัญชาติไทยของโจทก์ทั้งสี่ การที่โจทก์ทั้งสี่ไปเปลี่ยนหรือทำบัตรประจำตัวญวนอพยพก็ด้วยความสมัครใจเอง และเข้าใจเอาเองว่าถูกจำเลยออกคำสั่งถอนสัญชาติไทย จำเลยมิได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งสี่ โจทก์ทั้งสี่จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสี่เกิดในราชอาณาจักรไทย เป็นบุตรนางสายสมร วันทา คนสัญชาติไทย และนายยี้ เหงี่ยนวันคนสัญชาติญวนที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาพักอาศัยในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว บิดามารดาโจทก์ทั้งสี่แต่งงานกันตามประเพณี แต่มิได้จดทะเบียนสมรส โจทก์ทั้งสี่จึงได้สัญชาติไทย ตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 มาตรา 7(3) และไม่อยู่ในเกณฑ์ให้ถอนสัญชาติตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515จำเลยในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้ทำละเมิดสิทธิของโจทก์ทั้งสี่ คือ ได้มีคำสั่งถอนสัญชาติของโจทก์ทั้งสี่ จากสัญชาติไทยเป็นสัญชาติญวน โดยออกบัตรประจำตัวญวนอพยพให้แก่โจทก์ทั้งสี่เมื่อเดือนมกราคม 2527 โจทก์ทั้งสี่ได้รับความเสียหายและไม่มีทางใดจะบังคับจำเลยได้ ขอให้พิพากษาว่าโจทก์ทั้งสี่เป็นคนสัญชาติไทย ให้เพิกถอนคำสั่งใด ๆ ของจำเลยที่เกี่ยวกับสัญชาติของโจทก์ทั้งสี่ จำเลยให้การว่า โจทก์ทั้งสี่ไม่ได้เกิดในราชอาณาจักรไทย จำเลยออกบัตรประจำตัวคนญวนอพยพให้ไปตามคำขอของโจทก์ทั้งสี่ที่ได้ยื่นต่อหัวหน้าสำนักกิจการญวนจังหวัดนครพนม การออกบัตรเช่นนี้ไม่เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ทั้งสี่ และไม่เป็นการออกคำสั่งถอนสัญชาติของโจทก์ทั้งสี่โจทก์ทั้งสี่จึงไม่มีอำนาจฟ้องเพราะจำเลยมิได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งสี่แต่ประการใด แม้โจทก์ทั้งสี่จะเกิดในราชอาณาจักรไทยและได้สัญชาติไทยโดยการเกิด สัญชาติไทยของโจทก์ทั้งสี่ก็ถูกถอนแล้ว โดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13ธันวาคม 2515 เพราะคำว่าบิดาตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าวหมายถึงบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วย ยิ่งกว่านั้นโจทก์ทั้งสี่ยังมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านญวนอพยพ มีบิดาเป็นหัวหน้าครอบครัวได้แสดงความสมัครใจต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าจะกลับประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียตนาม เป็นการแสดงเจตนาโดยชัดแจ้งว่าจะถือสัญชาติญวนตามบิดา ถือว่าโจทก์ทั้งสี่ได้แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าว จึงเสียสัญชาติไทยตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508มาตรา 22 ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์ทั้งสี่อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติตามที่โจทก์ทั้งสี่และจำเลยไม่โต้เถียงกันว่า โจทก์ทั้งสี่เป็นบุตรนางสายสมร วันทา คนสัญชาติไทย กับนายยี้ เหงี่ยนวันคนสัญชาติญวน บิดามารดาของโจทก์ทั้งสี่แต่งงานกันตามประเพณีแต่มิได้จดทะเบียนสมรส ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้ออกประกาศลงวันที่ 1 ธันวาคม 2526 ให้คนญวนอพยพซึ่งอยู่ในเขตอำเภอเมืองนครพนมไปทำบัตรประจำตัวคนญวนอพยพตามเอกสารหมาย ล.2โจทก์ที่ 1 และที่ 2 ไปเปลี่ยนบัตรประจำตัวญวนอพยพ ส่วนโจทก์ที่ 3 และที่ 4 ไปทำบัตรประจำตัวญวนอพยพ สำนักงานกิจการญวนจังหวัดนครพนมจึงออกบัตรให้ตามเอกสารหมาย จ.7 ถึง จ.10 ข้อที่จะต้องวินิจฉัยตามที่โจทก์ทั้งสี่ฎีกามีว่า โจทก์ทั้งสี่มีอำนาจฟ้องหรือไม่ โจทก์ทั้งสี่นำสืบว่าเหตุที่โจทก์ทั้งสี่ไปทำบัตรประจำตัวญวนอพยพนั้น เพราะตามประกาศจังหวัดนครพนมเอกสารหมาย ล.2 เป็นคำสั่งให้โจทก์ทั้งสี่ไปทำบัตรประจำตัวญวนอพยพ มิฉะนั้นจะมีความผิด และการทำบัตรประจำตัวญวนอพยพนี้เป็นการถอนสัญชาติไทยของโจทก์ทั้งสี่ด้วย จึงถือว่าจำเลยทำละเมิดสิทธิของโจทก์ทั้งสี่ พิเคราะห์แล้ว ตามเอกสารหมาย ล.2เป็นเพียงประกาศของผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมให้คนญวนอพยพในเขตจังหวัดนครพนมผู้ที่มีอายุครบ 12 ปีขั้นไปและผู้ที่มีบัตรประจำตัวอยู่แล้วไปทำบัตรหรือเปลี่ยนบัตรที่ครบอายุ 2 ปีแล้วเท่านั้น มีลักษณะเป็นการประกาศทั่ว ๆ ไป ไม่ใช่คำสั่งเฉพาะเจาะจงบังคับให้โจทก์ทั้งสี่ทำบัตรหรือเปลี่ยนบัตรประจำตัวญวนอพยพ และจำเลยไม่ได้มีคำสั่งถอนสัญชาติไทยของโจทก์ทั้งสี่แต่ประการใด การที่โจทก์ที่ 1 และที่ 2 ไปเปลี่ยนบัตรประจำตัวญวนอพยพและโจทก์ที่ 3 และที่ 4 ไปทำบัตรประจำตัวญวนอพยพนั้นโจทก์ทั้งสี่กระทำไปด้วยความสมัครใจเอง และโจทก์ทั้งสี่เข้าใจเอาเองว่าถูกจำเลยออกคำสั่งถอนสัญชาติไทย ดังนั้นจำเลยจึงไม่ได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งสี่แต่ประการใด โจทก์ทั้งสี่ไม่มีอำนาจฟ้องศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องนั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share