แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เดิมเจ้าของเรือฟ้องเจ้าของอู่ซ่อมเรือให้ส่งมอบเรือที่ซ่อมคืนในสภาพเดิมซึ่งขณะนั้นปรากฏว่า ไม่มีเครื่องยนต์ในเรือเพราะมีคนถอดเอาไปศาลจึงพิพากษาให้เจ้าของอู่ซ่อมเรือใช้ค่าเสียหาย แก่เจ้าของเรือ ต่อมาปรากฏว่า คนของเจ้าของเรือเป็นผู้มาถอดเอาเครื่องยนต์ในเรือไปแล้วหาย ต่อมาจับได้ และเจ้าของเรือได้รับเอาเครื่องยนต์คืนจากตำรวจไปแล้ว ตั้งแต่ก่อนเจ้าของเรือฟ้องเจ้าของอู่เรือดังนี้ เจ้าของอู่เรือย่อมมีสิทธิฟ้องเจ้าของเรือ ฐานปิดบังความจริงและใช้สิทธิโดยไม่สุจริตอันเป็นการกล่าวเท็จ เป็นเหตุให้ศาลหลงเชื่อและพิพากษาบังคับเจ้าของอู่เรือ ให้ใช้ค่าเสียหายแก่เจ้าของเรือตามฟ้องเจ้าของอู่เรือจึงมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายที่ต้องชำระไปดังกล่าวคืนจากเจ้าของเรือได้ ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยนำเรือยนต์ชื่อ ควรพินิจ มาจ้างอู่ของโจทก์ซ่อม ต่อมามีคนของจำเลยมาถอดเอาเครื่องยนต์จากเรือไป จำเลยมาฟ้องโจทก์ให้ส่งมอบเรือยนต์คืนในสภาพเดิม จนศาลพิพากษาให้โจทก์ต้องชำระค่าเรือค่าซ่อมเรือและต้องเสียค่าทนายค่าธรรมเนียมแทนจำเลย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น16,881 บาท 50 สตางค์ ฯลฯ แต่ความจริงปรากฏว่า คนของจำเลยได้ถอนเอาเครื่องยนต์ไป แล้วเครื่องยนต์หายไปในที่สุดจับเครื่องยนต์ได้จากนายสมสุข และจำเลยได้รับเครื่องยนต์คืนไปแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่จำเลยยื่นฟ้องโจทก์ดังกล่าว จำเลยปิดบังความจริงและใช้สิทธิไม่สุจริต อันเป็นการกล่าวเท็จ เป็นเหตุให้โจทก์ต้องชำระเงินให้จำเลยดังกล่าว โจทก์จึงขอให้จำเลยใช้เงินจำนวนดังกล่าวคืนแก่โจทก์
จำเลยต่อสู้คดีหลายประการ
ศาลชั้นต้นพิพากษา จำเลยต้องรับผิดหักราคาเครื่องยนต์คืนให้โจทก์ตามราคา 1,500 บาท ฯลฯ
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะราคาเครื่องยนต์ให้จำเลยใช้ให้โจทก์ 4,000 บาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าตามที่โจทก์ต้องใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยไปโดยโจทก์ไม่ได้เป็นผู้กระทำให้จำเลยเสียหาย จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ให้แก่โจทก์
ปัญหาเรื่องฟ้องซ้ำหรือไม่นั้น คดีนี้กับคดีก่อนมีประเด็นต่างกับ คดีก่อนจำเลยคดีนี้หาว่า โจทก์ทำผิดสัญญา รับจ้างซ่อมเรือควรพินิจ ในคดีนี้โจทก์หาว่าจำเลยใช้สิทธิไม่สุจริตและฉ้อโกงเป็นการละเมิดกระทำให้โจทก์เสียหายจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
จึงพิพากษาแก้ ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์รวม 17,874 บาท50 สตางค์ ฯลฯ