คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3625/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องข้อ ก.ว่า จำเลยใช้ขวดสุราเป็นอาวุธตีทำร้ายร่างกายผู้เสียหายที่ 1 โดยแรง 1 ครั้ง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ 1 ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ฟ้องข้อ ข.ว่าตามวันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ ก.ภายหลังจากจำเลยได้กระทำความผิดดังกล่าวแล้ว จำเลยใช้กุญแจตัดเหล็กเป็นอาวุธตีประทุษร้ายร่างกายผู้เสียหายที่ 1 เป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ 1 ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ เห็นได้ว่า ภายหลังจากที่จำเลยใช้ขวดสุราเป็นอาวุธตีทำร้ายผู้เสียหายที่ 1 แล้ว ในเวลาต่อเนื่องกันจำเลยก็ได้ใช้กุญแจตัดเหล็กเป็นอาวุธทำร้ายผู้เสียหายที่ 1 อีก ดังนี้เป็นเรื่องที่จำเลยต้องการทำร้ายผู้เสียหายที่ 1 ให้ได้รับอันตรายแก่กายตามเจตนาเดิมและเจตนาเดียวของจำเลยนั่นเองอันเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันแม้จำเลยกระทำหลายครั้งการกระทำ ของจำเลยก็ยังถือว่าเป็นการกระทำครั้งเดียวกันจึงเป็นกรรมเดียวมิใช่หลายกรรม การที่โจทก์บรรยายฟ้องแยกเป็นข้อ ก.และข้อ ข. เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน ทั้งจำเลยให้การรับสารภาพก็ตาม ก็ไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป ศาลจะลงโทษจำเลยหลายกระทงไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91,295 และริบเศษขวดสุราและกุญแจตัดเหล็กของกลาง จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295, 91 (น่าจะเป็น 90) การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท แต่ละบทมีโทษเท่ากันให้ลงโทษตาม มาตรา 295บทเดียว จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78กึ่งหนึ่งคงจำคุก 6 เดือน ริบเศษขวดสุราและกุญแจตัดเหล็กของกลางโจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายจะต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาว่า การกระทำของจำเลยที่ได้กระทำต่อผู้เสียหายที่ 1จะเป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกัน ซึ่งโจทก์ฎีกาว่าโจทก์บรรยายฟ้องแยกกระทำของจำเลยเป็นข้อ ก. และ ข. แยกการกระทำของจำเลยต่างหากจากกันอย่างชัดแจ้ง และจำเลยก็ได้ให้การรับสารภาพโดยไม่โต้แย้งศาลจึงต้องลงโทษจำเลยเป็นสองกรรมข้อเท็จจริงได้ความตามที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า ก. จำเลยใช้ขวดสุราเป็นอาวุธตีทำร้ายร่างกายผู้เสียหายที่ 1 โดยแรง 1 ครั้งเป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ 1 ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ข.ตามวันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ ก. ภายหลังจากจำเลยได้กระทำผิดดังกล่าวแล้ว จำเลยใช้กุญแจตัดเหล็กเป็นอาวุธตีประทุษร้ายร่างกายผู้เสียหายที่ 1 เป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ 1 ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ภายหลังจากที่จำเลยใช้ขวดสุราเป็นอาวุธตีทำร้ายผู้เสียหายที่ 1 แล้วในเวลาต่อเนื่องกันจำเลยก็ได้ใช้กุญแจตัดเหล็กเป็นอาวุธทำร้ายผู้เสียหายที่ 1 อีก ดังนี้ กรณีเป็นเรื่องที่จำเลยต้องการทำร้ายผู้เสียหายที่ 1 ให้ได้รับอันตรายแก่กายตามเจตนาเดิมและเจตนาเดียวของจำเลยนั่นเอง อันเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันแม้จำเลยกระทำหลายครั้งการกระทำของจำเลยก็ยังถือว่าเป็นการกระทำครั้งเดียวกันจึงเป็นกรรมเดียวตามกฎหมายมิใช่เป็นความผิดหลายกรรมดังที่โจทก์ฎีกา การที่โจทก์จะแยกบรรยายการกระทำผิดดังกล่าวของจำเลยมาในฟ้องเป็นข้อ ก. และข้อ ข. เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันทั้งจำเลยให้การรับสารภาพก็ตามก็ไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป ศาลจะลงโทษจำเลยหลายกระทงความผิดไม่ได้ คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share