คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3620/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ไม่มีบทกฎหมายใดห้ามมิให้ศาลรับฟังคำให้การชั้นสอบสวนของพยานเพื่อประกอบการพิจารณา ส่วนจะรับฟังได้เพียงใดหรือไม่ สุดแล้วแต่เหตุผลของแต่ละเรื่อง

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 40,220.79 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ที่จำเลยฎีกาว่าศาลอุทธรณ์พิจารณาจากคำให้การของนายชม แขนอก หัวหน้าเก็บเงินของปั๊มน้ำมันชูเศรษฐ์ในชั้นสอบสวนตามเอกสารหมาย จ.2 (ที่ถูกเป็นเอกสารหมาย ป.จ.2 ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 13483/2522 ของศาลชั้นต้น) ว่าในวันเวลาเกิดเหตุคนงานของบริษัททรัพย์สยาม จำกัด (จำเลย) แต่งกายชุดสีน้ำตาล มีตราของบริษัททรัพย์สยาม จำกัด ปักที่หน้าอก มาที่ปั๊มแล้วขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน 7 ม – 0725 ของบริษัทจำเลยไปชนเสาไฟฟ้าและในชั้นสอบสวน นายชูพันธ์ มิลินทร์จินดา หัวหน้าช่างของบริษัทจำเลยยอมรับว่านายสมบูรณ์หรือหมูเป็นผู้ช่วยของตน แล้ววินิจฉัยว่า นายสมบูรณ์หรือหมูได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวไปในทางการที่จ้างของจำเลย อันเป็นการรับฟังพยานบอกเล่าไม่มีพยานแวดล้อม จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นศาลฎีกาเห็นว่า ไม่มีบทกฎหมายใดห้ามมิให้ศาลรับฟังคำให้การชั้นสอบสวนของพยานเพื่อประกอบการพิจารณา ส่วนจะรับฟังได้เพียงใดหรือไม่สุดแล้วแต่เหตุผลของแต่ละเรื่อง สำหรับคดีนี้พนักงานสอบสวนได้สอบสวนนายชม แขนอก และนายชูพันธ์ มิลินทร์จินดา ไว้โดยชอบ แล้วโจทก์ยังมีพยานหลักฐานแวดล้อมคือคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 13483/2522 ของศาลแพ่ง ระหว่าง การไฟฟ้านครหลวง โจทก์นายสมบูรณ์หรือหมู กับพวก จำเลย ในความผิดฐานละเมิดขับรถยนต์ชนเสาไฟฟ้าในคราวเดียวกับละเมิดต่อโจทก์ในคดีนี้ และคดีดังกล่าวศาลก็พิพากษาให้จำเลยคดีนี้ร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ในคดีนั้นในฐานะนายจ้างของนายสมบูรณ์หรือหมูที่ขับรถยนต์ชนเสาไฟฟ้าโดยการรู้เห็นยินยอมและในทางการที่จ้างของจำเลย นอกจากนี้ศาลอุทธรณ์ยังวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุผลอื่น ๆ อีกด้วยว่านายสมบูรณ์หรือหมูขับรถยนต์ไปเกิดเหตุด้วยความยินยอมของจำเลย ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ก็โดยอาศัยพยานหลักฐานดังกล่าวโดยชอบ หาได้วินิจฉัยโดยอาศัยแต่เฉพาะพยานบอกเล่าดังจำเลยฎีกาเท่านั้นไม่”

พิพากษายืน

Share