แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำนองเป็นสัญญาที่เอาทรัพย์สินตราไว้เป็นประกันการชำระหนี้จึงมีหนี้ที่จะต้องชำระแก่กันอันเป็นหนี้ประธานส่วนหนึ่งคือหนี้เงินกู้ยืมที่เจ้าหนี้จ่ายให้ลูกหนี้รับไปก่อนทำสัญญาและจดทะเบียนจำนอง ส่วนจำนองที่ลูกหนี้ได้ทำสัญญาและจดทะเบียนให้เจ้าหนี้นั้นเป็นแต่เพียงอุปกรณ์แห่งหนี้เงินกู้ยืมอันเป็นหนี้ประธานซึ่งเป็นหนี้คนละส่วนที่แยกออกจากกันได้ ดังนั้นเมื่อเจ้าหนี้ได้มอบเงินที่กู้ยืมให้ลูกหนี้รับไป การกู้ยืมก็ได้เกิดขึ้น เจ้าหนี้จึงอยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้ในทันทีนั้นเอง หลังจากนั้นแม้จะเป็นในวันเดียวกัน ลูกหนี้ได้ทำสัญญาและจดทะเบียนจำนองที่ดินเพื่อเป็นประกันหนี้เงินกู้ยืมดังกล่าวให้แก่เจ้าหนี้ กรณีก็ถือได้ว่าเจ้าหนี้เป็นเจ้าหนี้ของลูกหนี้อยู่ก่อนแล้วในขณะที่มีการทำสัญญาและจดทะเบียนจำนองตามมาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 ลูกหนี้มีเจ้าหนี้ถึง 9 ราย มีหนี้รวมกันเป็นจำนวนถึงสองล้านบาทเศษมากกว่าจำนวนทรัพย์สินที่ลูกหนี้มีอยู่หลายเท่าตัว การที่ลูกหนี้นำที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทไปทำสัญญาจดทะเบียนจำนองแก่เจ้าหนี้ ซึ่งจะเป็นเหตุให้เจ้าหนี้รายนี้แต่ผู้เดียวมีสิทธิบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินที่จำนองได้ก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ ไม่มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งเพื่อชำระหนี้บ้างย่อมเป็นกรรมที่แสดงถึงเจตนาของลูกหนี้ว่ามุ่งหมายให้เจ้าหนี้ผู้รับจำนองได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น ชอบที่ศาลจะมีคำสั่งให้เพิกถอนการจำนองรายนี้
ย่อยาว
หลังจากศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจำเลยทั้งสองแล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 2 ได้จำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเฉพาะส่วนของตนแก่นางสาวสุณีเจ้าหนี้เงินกู้เพื่อเป็นประกันเงินกู้ดังกล่าว อันเป็นการกระทำในระหว่างระยะเวลาสามเดือนก่อนถูกฟ้องล้มละลายโดยมุ่งหมายให้นางสาวสุณีได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 115 ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการจำนองดังกล่าว
นางสาวสุณีคัดค้านว่า จำเลยที่ 2 กู้ยืมเงินไป 300,000 บาท ในขณะเดียวกันได้นำที่ดินรายนี้มาจำนองเป็นประกัน ผู้คัดค้านได้รับจำนองไว้โดยสุจริตไม่ทราบถึงการที่จำเลยที่ 2 มีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการจำนองรายพิพาท
นางสาวสุณีอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ขณะจดทะเบียนจำนอง นางสาวสุณีไม่ได้เป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ 2 อยู่ก่อน กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพิพากษากลับให้ยกคำร้อง
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยนั้นเป็นสัญญาที่เอาทรัพย์สินตราไว้เป็นประกันการชำระหนี้ จึงมีหนี้ที่จะต้องชำระแก่กันอีกเป็นหนี้ประธานส่วนหนึ่งซึ่งในคดีนี้ได้แก่หนี้เงินกู้ยืมจำนวน 300,000 บาทที่เจ้าหนี้จ่ายให้ลูกหนี้ที่ 2 รับไปก่อนการทำสัญญาและจดทะเบียนจำนอง ส่วนจำนองที่ลูกหนี้ที่ 2 ได้ทำสัญญาและจดทะเบียนให้เจ้าหนี้ไว้นั้นเป็นแต่เพียงอุปกรณ์แห่งหนี้เงินกู้ยืมอันเป็นหนี้ประธานดังกล่าวนั้น ซึ่งเป็นคนละส่วนต่างหากที่อาจแยกออกจากกันได้เมื่อเป็นเช่นนี้การที่ลูกหนี้ที่ 2 ขอกู้ยืมเงินเจ้าหนี้เป็นเงิน 300,000 บาทและเจ้าหนี้ก็ตกลงยินยอมให้กู้ เมื่อเจ้าหนี้ได้มอบเงินที่กู้จำนวน 300,000 บาทให้ลูกหนี้ที่ 2 รับไปแล้ว ในทันทีทันใดนั้นการกู้ยืมเงินระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ที่ 2ก้ได้เกิดขึ้น เจ้าหนี้จึงอยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้ของลูกหนี้ที่ 2 ในทันทีทันใดนั้นเองหลังจากนั้นแม้จะเป็นวันเดียวกันการที่ลูกหนี้ที่ 2 ได้มอบอำนาจให้นางสาวสมถวิลทำสัญญาและจดทะเบียนจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อเป็นประกันหนี้เงินกู้ยืมดังกล่าวให้กับเจ้าหนี้ กรณีถือได้ว่านางสาวสุณีเจ้าหนี้เป็นเจ้าหนี้ของลูกหนี้ที่ 2อยู่ก่อนแล้วในขณะที่มีการทำสัญญาและจดทะเบียนจดนองรายนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 115 ทั้งนี้เพราะความในมาตรานี้มิได้บัญญัติว่าเจ้าหนี้ผู้รับโอนหรือผู้ได้รับประโยชน์จากการโอนหรือการกระทำใด ๆ ของลูกหนี้จะต้องเป็นเจ้าหนี้อยู่ก่อนวันที่ได้รับโอนหรือได้รับประโยชน์มาแต่อย่างใด และลูกหนี้ทั้งสองมีทรัพย์สินเพียงราคาประมาณ 266,500 บาท กับลูกหนี้ที่ 2 มีกรรมสิทธิ์ร่วมกับนายสมพงษ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 8073 ซี่งมีเนื้อที่เพียง 6 เศษ 6 ส่วน 10 ตารางวา พร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างพิพาทเท่านั้นเมื่อลูกหนี้ทั้งสองมีเจ้าหนี้ถึง 9 ราย มีหนี้รวมกันเป็นจำนวนถึง 2,582,007 บาท 01 สตางค์ มากกว่าจำนวนทรัพย์สินที่ลูกหนี้มีอยู่หลายเท่าตัวดังนั้นการที่ลูกหนี้ที่ 2 นำที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทไปทำสัญญาและจดทะเบียนจำนองเพื่อเป็นประกันหนี้กับเจ้าหนี้ ซึ่งจะเป็นเหตุให้เจ้าหนี้รายนี้แต่ผู้เดียวมีสิทธิบังคับชำระหนี้เอาจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทได้ก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ ตามกฎหมาย โดยเจ้าหนี้อื่น ๆ ไม่มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งจากราคาของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทเพื่อชำระหนี้บ้างนั้น ตามพฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวย่อมเป็นกรรมที่แสดงถึงเจตนาของลูกหนี้ที่ 2ว่ามุ่งหมายให้เจ้าหนี้ผู้รับจำนองได้เปรียบเจ้าหนี้อื่นโดยปราศจากสงสัยชอบที่ศาลจะมีคำสั่งให้เพิกถอนการจำนองรายนี้เสียได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 115 ฎีกาของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น