คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 361/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องคดีแพ่งขอให้จำเลยใช้เงินที่จำเลยได้ยักยอกเอาไป จำเลยตัดฟ้องว่าเป็นฟ้องซ้ำต้องห้าม ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ก่อนผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องคดีแพ่งนั้น ผู้ว่าคดีเคยฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงเป็นคดีอาญาหาว่าจำเลยยักยอกเงินรายเดียวกันนี้ และมีคำขอให้จำเลยใช้เงินที่ยักยอกนั้นด้วย ทั้งตัวผู้เสียหายก็ได้เข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีอาญานั้นด้วย ศาลแขวงได้ไต่สวนมูลฟ้องเพราะเป็นคดีเกินอำนาจ แล้วเห็นว่าคดียังไม่มีมูลว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานยักยอก จึงพิพากษายกฟ้อง ผู้ว่าคดีอุทธรณ์ ต่อมาจำเลยได้ตายในระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงสั่งจำหน่ายคดี ส่วนคดีแพ่งที่ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องดังกล่าวนั้น ได้ฟ้องเข้ามาก่อนจำเลยถึงแก่ความตาย ดังนี้ ฟ้องคดีแพ่งของผู้เสียหายดังกล่าว หาเป็นฟ้องซ้ำต้องห้าไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ โดยเป็นผู้จัดการสาขาเชียงใหม่ จำเลยได้รับมอบเงินสดจากโจทก์ที่กรุงเทพฯ เป็นเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อนำมาส่งให้แก่สำนักงานสาขาเชียงใหม่ แต่จำเลยมิได้นำส่งยังสาขาจังหวัดเชียงใหม่ กลับยักยอกเอาเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย ต่อมาพนักงานตรวจบัญชีของโจทก์ตรวจพบ โจทก์จึงได้ร้องทุกข์ดำเนินคดีอาญากับจำเลยตามสำนวนคดีอาญาแดงที่ ก.๖๑/๒๕๐๐ ซึ่งอยู่ระหว่างอุทธรณ์ การที่จำเลยยักยอกเอาเงินจำนวนนี้ไปเป็นการละเมิดต่อโจทก์ จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยใช้เงินจำนวนนี้พร้อมทั้งดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การปฏิเสธ และตัดฟ้องว่าคดีอาญาที่จำเลยถูกฟ้อง ศาลได้พิพากษายกฟ้องแล้ว โจทก์เอามูลกรณีเดียวกันมาฟ้องอีกไม่ได้และคดีอาญานั้นได้ขอให้ำจำเลยใช้เงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท และผู้เสียหาย (โจทก์) ได้เข้าเป็นโจทก์ด้วย โจทก์ฟ้องอีกไม่ได้ ทั้งคดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว
คู่ความตกลงกันให้รอคดีนี้ไว้จนกว่าคดีอาญาแดงที่ ก.๖๑/๒๕๐๐ จะถึงที่สุด ในที่สุดคดีอาญานั้นศาลอุทธรณ์ได้สังจำหน่ายคดีเพราะนายชูจำเลยตาย มีผู้รับมรดกความเข้าดำเนินคดีแพ่งนี้ต่อมา
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ ฟ้องโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้ำ และฟังว่านายชู จำเลยได้รับเงินไปจากโจทก์แล้ว มิได้นำเข้าบัญชีทำให้โจทก์เสียหาย พิพากษาให้จำเลยใช้เงินตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ ส่วนประเด็นเรื่องฟ้องซ้ำต้องห้ามหรือไม่นั้น ฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้ว่าคดีเคยฟ้องนายชูจำเลยเป็นคดีอาญาหาว่ายักยอกเงินรายนี้ที่ศาลแขวงพระนครใต้และขอให้จำเลยใช้เงินสองแสนบาทเป็นคำขอส่วนแพ่งรวมไปด้วย และโจทก์ในคดีนี้ได้เข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีนั้น ศาลแขวงพระนครใต้ไต่สวนมูลฟ้องเพราะเป็นคดีเกินอำนาจและเห็นว่าคดีโจทก์ยังไม่มีมูลว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานยักยอก จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ แต่นายชูจำเลยตายในระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงสั่งจำหน่ายคดี ปรากฏตามคดีอาญาแดงที่ ก.๖๑/๒๕๐๐ ของศาลแขวงพระนครใต้ ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ผลปรากฏว่าศาลอุทธรณ์เพียงแต่สั่งจำหน่ายคดีเพราะนายชูจำเลยตาย และประเด็นที่เกี่ยวกับเงินสดสองแสนบาทรายพิพาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ยังหาได้วินิจฉัยประการใดไม่ การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ นอกจากนี้ปรากฏว่าในคดีก่อนนั้นโจทก์คดีนี้ได้เข้าเป็นโจทก์ร่วมเรียกทรัพย์ที่ถูกจำเลยยักยอกไปทางคดีอาญา แต่ในคดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์จำเลยละเมิดในทางแพ่ง จึงไม่ใช่ฟ้องในเรื่องเดียวกัน ฟ้องของโจทก์จึงไม่ต้องห้ามตามบทกฎหมายที่จำเลยอ้าง
ในที่สุดฟังข้อเท็จจริงว่านายชูจำเลยได้รับเงินของธนาคารโจทก์ไปจริง พิพากษายืน

Share