คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3598/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีที่มีจำนวนทุนทรัพย์เกิน 20,000 บาท แม้คำขอในบางส่วนของคดีจะมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 20,000 บาท ก็ไม่ทำให้คำขอของโจทก์ส่วนนี้ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง เพราะการพิจารณาสิทธิอุทธรณ์ของคู่ความในคดีนั้นต้องพิจารณาตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ขอมาทั้งหมด จะแยกพิจารณาไปเป็นแต่ละส่วนของคำขอไม่ได้ เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยคำขอของโจทก์ส่วนนี้ จึงไม่ชอบเมื่อข้อเท็จจริงในปัญหาส่วนนี้มีปรากฏจากการนำสืบของทั้งสองฝ่ายแล้วศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปเสียทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวน.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยและนายยศเป็นผู้เริ่มก่อการในการจัดตั้งบริษัทโจทก์และเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทโจทก์ เพื่อประกอบกิจการให้เช่าอพาร์ตเมนต์ นายยศได้มอบหมายให้จำเลยดำเนินการติดต่อซื้อสิทธิการเช่าที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จากผู้เช่าที่ดินรายหนึ่งเพื่อนำมาใช้ในการก่อสร้างอาคารอพาร์ตเมนต์ให้เช่า โดยนายยศเป็นผู้ออกเงินทดรองค่าใช้จ่าย เมื่อจำเลยรับโอนสิทธิการเช่าที่ดินและทำสัญญาเช่าแทนโจทก์แล้ว จำเลยมีหนังสือถึงโจทก์อ้างสิทธิการเช่าที่ดินแปลงดังกล่าวว่าเป็นสิทธิของตนและถอนตัวออกจากการเป็นกรรมการบริษัทโจทก์ โดยจำเลยไม่ยอมส่งคืนทรัพย์สินคืนโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอศาลบังคับจำเลยให้โอนสิทธิการเช่าที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ หากจำเลยไม่ไปทำการโอนให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาโอนสิทธิการเช่าที่ดินของจำเลย หากไม่สามารถทำการโอนได้ก็ให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 8,321,116.89 บาทพร้อมดอกเบี้ย ให้จำเลยส่งมอบดวงตรา สมุดเช็ค สมุดบัญชีและเอกสารต่าง ๆ คืนโจทก์ หากจำเลยไม่สามารถส่งคืนก็ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 20,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า สิทธิการเช่าที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นสิทธิส่วนตัวของจำเลย มิได้ถือสิทธิในฐานะผู้เริ่มก่อการของโจทก์หรือถือสิทธิแทนโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนดวงตรา สมุดเช็ค สมุดบัญชี และเอกสารของโจทก์แก่โจทก์ หากคืนไม่ได้ให้จำเลยใช้ราคาหรือค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 1,000 บาท คำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นคดีที่มีจำนวนทุนทรัพย์เกิน20,000 บาท แม้คำขอในบางส่วนของคดีจะมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 20,000 บาทก็ไม่ทำให้คำขอของโจทก์ส่วนนี้ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเพราะการพิจารณาสิทธิอุทธรณ์ของคู่ความในคดีนั้นต้องพิจารณาตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ขอมาทั้งหมดจะแยกพิจารณาไปเป็นแต่ละส่วนของคำขอไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยในปัญหานี้ของโจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ข้อเท็จจริงในปัญหาส่วนนี้มีปรากฏจากการนำสืบของทั้งสองฝ่ายแล้ว ศาลฎีกาเห็นสมควรพิจารณาไปเสียทีเดียวศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์เสียหายเพียง 1,000 บาท
พิพากษายืน.

Share