คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3597/2556

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองอายุครบ 24 ปี ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดให้ใช้บังคับแก่จำเลยทั้งสองไว้จึงไม่เหมาะสม ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาในการกำหนดวิธีการสำหรับเด็กหรือเยาวชนซึ่งศาลคำนึงถึงพฤติการณ์เฉพาะเรื่องตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวฯ มาตรา 119 ประกอบมาตรา 142 แม้โจทก์จะไม่อุทธรณ์ฎีกาในปัญหาดังกล่าว ศาลฎีกาก็มีอำนาจจะเปลี่ยนแปลงวิธีการให้เหมาะสมได้เพราะมิใช่การเปลี่ยนแปลงโทษ จึงไม่ใช่การเพิ่มเติมโทษ ซึ่งต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. 212 และมาตรา 225 เมื่อพิจารณาความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว อาศัยอำนาจตามมาตรา 142 วรรคท้ายเปลี่ยนแปลงวิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนใหม่เป็น หลังจากจำเลยทั้งสองอายุครบ 24 ปีแล้วให้ส่งตัวจำเลยทั้งสองไปจำคุกไว้ในเรือนจำมีกำหนด 2 ปี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 58, 83, 91, 288 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 4, 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ริบหัวกระสุนปืนของกลาง และกำหนดโทษของจำเลยที่ 1 ที่รอการกำหนดโทษไว้ในคดีก่อนบวกเข้ากับโทษในคดีนี้
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 1 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง, 8 ทวิวรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ขณะกระทำความผิดจำเลยที่ 1 อายุ 16 ปีเศษ จำเลยที่ 2 อายุ 17 ปีเศษ ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 75 และมาตรา 76 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น จำคุกคนละ 9 ปี ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกคนละ 6 เดือน ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและไม่มีเหตุสมควร จำคุก คนละ 6 เดือน รวมจำคุก 9 ปี 12 เดือน ทางนำสืบของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้คนละหนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 6 ปี 8 เดือน เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยทั้งสองไปควบคุมเพื่อฝึกและอบรมยังสถานพินิจมีกำหนดขั้นต่ำ 2 ปี ขั้นสูง 4 ปี ริบหัวกระสุนปืนของกลาง คำขออื่นให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่าที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่าไม่มีประจักษ์พยานโจทก์ปากใดยืนยันว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกับพวกฆ่าผู้ตาย จำเลยทั้งสองไม่เคยรู้จักหรือมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายและพวกมาก่อน เหตุที่จำเลยทั้งสองไปที่เกิดเหตุ เนื่องจากพวกของจำเลยทั้งสองไปมีเรื่องกับผู้ตายกับพวกจึงขับรถจักรยานยนต์มาบอกจำเลยทั้งสองกับพวกว่า “มีเรื่องข้างนอกมา” แล้วขับรถจักรยานยนต์ออกไป จำเลยทั้งสองกับพวกจึงขับรถจักรยานยนต์ติดตามไป โดยไม่ทราบว่าพวกของจำเลยทั้งสองคนใดมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วยและจะไปใช้ก่อเหตุยิงผู้ตายกับพวก พยานหลักฐานของโจทก์ยังมีข้อพิรุธน่าสงสัยว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยทั้งสองนั้น เห็นว่า เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งศาลล่างทั้งสองได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าวไว้ชอบด้วยเหตุผลและเมื่อพิจารณาฎีกาของจำเลยทั้งสองทั้งฉบับแล้ว กรณีไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงผลคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสอง ฎีกาของจำเลยทั้งสองจึงไม่เป็นสาระอันควรแก่การพิจารณาพิพากษา ศาลฎีกาไม่รับคดีไว้พิจารณาพิพากษาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 219 วรรคสอง และพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 23 วรรคหนึ่ง
อนึ่ง เนื่องจากปรากฏว่าจำเลยทั้งสองอายุครบ 24 ปี ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดให้ใช้บังคับแก่จำเลยทั้งสองไว้ไม่เหมาะสม ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาในการกำหนดวิธีการสำหรับเด็กหรือเยาวชน ซึ่งศาลต้องคำนึงถึงพฤติการณ์เฉพาะเรื่องตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว มาตรา 119 ประกอบมาตรา 142 แม้โจทก์จะไม่อุทธรณ์ฎีกาในปัญหาดังกล่าว ศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการให้เหมาะสมได้เพราะมิใช่การเปลี่ยนแปลงโทษ จึงไม่ใช่การเพิ่มเติมโทษ ซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 และมาตรา 225 ดังนี้ เมื่อพิจารณาตามความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นสมควรอาศัยอำนาจตามมาตรา 142 วรรคท้าย เปลี่ยนแปลงวิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนที่ใช้บังคับแก่จำเลยใหม่เป็นหลังจากจำเลยทั้งสองอายุครบ 24 ปีแล้ว ให้ส่งตัวจำเลยทั้งสองไปจำคุกไว้ในเรือนจำมีกำหนด 2 ปี
พิพากษายืน แต่ให้เปลี่ยนแปลงวิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนเป็นว่า เมื่อจำเลยทั้งสองอายุครบ 24 ปีแล้วให้ส่งตัวจำเลยทั้งสองไปจำคุกไว้ในเรือนจำมีกำหนด 2 ปี

Share