คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3594/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำให้การจำเลยต้องแสดงโดยชัดแจ้งว่า จำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น การที่จำเลยให้การแต่เพียงว่า การบอกกล่าวทวงถามและบอกเลิกสัญญาของโจทก์เป็นการบอกกล่าวที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จึงยังไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องจำเลย โดยไม่มีรายละเอียดข้อเท็จจริงว่าการบอกกล่าวทวงถามและบอกเลิกสัญญาของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะเหตุใด ทั้งที่การบอกกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ จึงเป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง การที่ศาลชั้นต้นให้มีการนำสืบและวินิจฉัยในประเด็นเรื่องนี้เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นข้อพิพาทและการที่จำเลยอุทธรณ์ในประเด็นเรื่องนี้เป็นการอุทธรณ์ในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยในประเด็นเรื่องดังกล่าวจึงชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี หากคืนไม่ได้ให้ชดใช้ราคาเป็นเงิน 226,850 บาท ให้ชดใช้ค่าเสียหาย 72,150 บาท กับอีกเดือนละ 5,550 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 299,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งมอบรถยนต์คันที่เช่าซื้อคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนเป็นเงิน 156,000 บาท ให้จำเลยชำระค่าเสียหายเป็นเงิน 46,800บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 46,800 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 19 มิถุนายน 2551) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์อีกเดือนละ 3,600 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะส่งมอบรถยนต์คันที่เช่าซื้อคืนหรือใช้ราคาครบถ้วน แต่ไม่ให้เกิน 6 เดือน กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดแก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากนี้ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยประเด็นเรื่องการบอกกล่าวทวงถามและบอกเลิกสัญญาชอบหรือไม่ เห็นว่า ในคำให้การจำเลยต้องแสดงโดยชัดแจ้งว่า จำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น การที่จำเลยให้การแต่เพียงว่า การบอกกล่าวทวงถามและบอกเลิกสัญญาของโจทก์เป็นการบอกกล่าวที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จึงยังไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องจำเลย โดยไม่มีรายละเอียดข้อเท็จจริงว่าการบอกกล่าวทวงถามและบอกเลิกสัญญาของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะเหตุใด ทั้งที่การบอกกล่าวที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ จึงเป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง คดีไม่มีประเด็นข้อพิพาทในเรื่องนี้ และจำเลยไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบ การที่ศาลชั้นต้นให้มีการนำสืบและวินิจฉัยในประเด็นเรื่องนี้ให้ จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นข้อพิพาท และการที่จำเลยอุทธรณ์ในประเด็นเรื่องนี้ จึงเป็นการอุทธรณ์ในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยในประเด็นเรื่องดังกล่าวจึงชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนฎีกาอื่นของจำเลยเป็นเรื่องสืบเนื่องจากประเด็นดังกล่าว ศาลฎีกาไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไปแต่ประการใด
อนึ่ง คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งมอบรถยนต์คันที่เช่าซื้อคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนเป็นเงิน 156,000 บาท ให้จำเลยชำระค่าเสียหายเป็นเงิน 46,800 บาท พร้อมดอกเบี้ย และให้จำเลยชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์อีกเดือนละ 3,600 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะส่งมอบรถยนต์คันที่เช่าซื้อคืนหรือใช้ราคาครบถ้วน แต่ไม่ให้เกิน 6 เดือน จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง ดังนี้ทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาจึงเป็นเงิน 202,800 บาท ซึ่งเสียค่าขึ้นศาลเพียง 4,056 บาท แต่จำเลยเสียค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกาจากทุนทรัพย์ 224,400 บาท โดยรวมค่าขาดประโยชน์หลังวันฟ้อง 21,600 บาท เข้ามาด้วย ทำให้เสียค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกา 4,488 บาท ซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะตามตาราง 1 (4) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ประกอบมาตรา 142 (4) ค่าเสียหายเป็นค่าขาดประโยชน์ที่ศาลกำหนดให้หลังวันฟ้องซึ่งต่อเนื่องมาจากค่าเสียหายที่คำนวณถึงวันฟ้อง ไม่ต้องนำมารวมคำนวณเป็นทุนทรัพย์ในชั้นฎีกา จึงต้องคืนค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกาส่วนที่เสียเกินมาให้แก่จำเลย
พิพากษายืน คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาที่เสียเกินมา 432 บาท แก่จำเลย ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกานอกจากที่ศาลสั่งคืนให้เป็นพับ

Share