คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3584/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลนั้นหาได้มุ่งถือสถานะของบุคคลผู้สมัครรับเลือกตั้งแต่เพียงฝ่ายเดียวเป็นสาระสำคัญไม่แต่จะต้องคำนึงถึงเชื้อชาติตามความเป็นจริง วัยและประสบการณ์ ตลอดจนความผูกพันต่อท้องถิ่นที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเกี่ยวข้องอยู่ด้วยในเขตเลือกตั้งประกอบกัน การที่ พ.ร.บ. การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. 2482 ได้กล่าวถึงลักษณะและคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งไว้ใน มาตรา 20และ มาตรา 20 ทวิ ก็เพื่อให้ได้ตัวสมาชิกสภาเทศบาลที่เป็นบุคคลในท้องถิ่น ซึ่งสามารถเข้ามามีสิทธิร่วมในการบริหารและพัฒนาท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากวัตถุประสงค์ดังกล่าวผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลที่มีบิดาเป็นคนต่างด้าว คำว่า “บิดา” จึงหมายถึงทั้งบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายและบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วย.

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องมีฐานะเป็นเทศบาลเมืองและเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2528 จังหวัดกาฬสินธุ์ประกาศให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ซึ่งมีกำหนดระยะเวลาการรับสมัครและวันเลือกตั้ง นายพิชัยเกียรติดำเนินงาม ได้ยื่นใบสมัครเข้ารับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลต่อผู้ร้อง โดยได้ระบุว่ามีคุณสมบัติเป็นผู้มีสิทธิเข้ารับการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลพ.ศ. 2482 ทุกประการ นายพิชัยได้ระบุในใบสมัครว่าบิดาชื่อนายง้วน เกียรติดำเนินงาม มีสัญชาติไทย และนายพิชัยมีความรู้การศึกษา ม.6 ผู้ร้องเชื่อว่า นายพิชัยมีหลักฐานและคุณสมบัติถูกต้องตามที่ระบุไว้ จึงได้รับสมัครเป็นผู้มีสิทธิเข้ารับการเลือกตั้งและผลปรากฏว่านายพิชัยได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลของผู้ร้อง ต่อมาในระหว่างเดือนมิถุนายน 2530 ได้มีการร้องเรียนต่อผู้ร้องว่า นายพิชัยเป็นผู้ขาดคุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากมีบิดาเป็นคนต่างด้าวและนายพิชัยไม่นำหลักฐานการศึกษาว่าจบประโยคมัธยมศึกษาตอนปลายมาแสดง ผู้ร้องจึงได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวได้ความว่า นายพิชัยมีบิดาเป็นคนต่างด้าวสัญชาติจีน ชื่อนายง้วน แซ่เตียว หรือเตีย ผู้ร้องจึงได้แจ้งให้นายพิชัยส่งหลักฐานแสดงคุณวุฒิทางการศึกษาที่ว่าสอบได้ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย แต่ก็ไม่สามารถส่งได้ นายพิชัยจึงเป็นผู้มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนในการเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2482 มาตรา 20, 20 ทวิ เป็นเหตุให้สมาชิกสภาเทศบาลของนายพิชัยขาดลงตามพระราชบัญญัติเทศบาลพ.ศ. 2496 มาตรา 19(4) ขอให้ศาลมีคำสั่งให้สมาชิกสภาพแห่งสภาเทศบาลของนายพิชัย เกียรติดำเนินงาม สิ้นสุดลง
นายพิชัย เกียรติดำเนินงาม ผู้คัดค้าน ยื่นคำคัดค้านและแก้ไขคำคัดค้านว่าการสมัครเข้ารับการเลือกตั้งจะต้องใช้ทะเบียนบ้านฉบับปัจจุบัน หลักฐานทะเบียนบ้านของผู้คัดค้าน เมื่อครั้งอยู่ที่อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี ขณะที่ผู้คัดค้านยังเป็นเด็กชายระบุว่า สัญชาติของบิดามารดา ไทยไทย แสดงว่าบิดาของผู้คัดค้านได้สัญชาติไทยตั้งแต่ผู้คัดค้านยังเป็นเด็กชายแล้ว ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะบิดาได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติก็ได้ เจ้าหน้าที่ทะเบียนราษฎร์ของผู้ร้องจึงได้กรอกระบุสัญชาติบิดามารดาของผู้คัดค้านเป็น ไทย ไทย ซึ่งตรงกับต้นฉบับเดิมที่แจ้งย้ายมาจากอำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี ผู้คัดค้านเป็นบุคคลที่เกิดในประเทศไทยจึงมีสัญชาติไทยโดยการเกิดตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508มาตรา 7(3) ผู้คัดค้านมีบิดาเป็นคนจีนชื่อนายง้วน แซ่เตียว แต่มีมารดาชื่อนางพลอย นามสกุลเดิม “เล็กมา” เป็นคนสัญชาติไทยบิดาและมารดาของผู้คัดค้านได้แต่งงานกันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสฉะนั้น สัญชาติของมารดาซึ่งเป็นคนไทยจึงเป็นสัญชาติที่ผู้คัดค้านยึดเป็นหลักตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 ตามที่กฎหมายระบุคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลว่า”ผู้มีสัญชาติไทยโดยมีบิดาเป็นคนต่างด้าวจะต้องจบการศึกษาประโยคมัธยมศึกษาตอนปลาย” นั้น คำว่า “บิดาเป็นต่างด้าว” หมายถึงบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายผู้คัดค้านจึงไม่ขาดคุณสมบัติของผู้สมัครรับการเลือกตั้งฯ แต่อย่างใด ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาในชั้นนี้ตามฎีกาของผู้ร้องว่าคำว่า “บิดา” ตามมาตรา 20 และมาตรา 20 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ.2482 นั้น หมายถึงบิดาโดยมิชอบด้วยกฎหมายด้วยหรือไม่เห็นว่า การพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลนั้นหาได้มุ่งถึงสถานะของบุคคลผู้สมัครรับเลือกตั้งแต่เพียงฝ่ายเดียวเป็นสาระสำคัญไม่แต่จะต้องคำนึงถึงเชื้อชาติตามความเป็นจริง วัยและประสบการณ์ตลอดจนความผูกพันต่อท้องถิ่นที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเกี่ยวข้องอยู่ด้วยในเขตเลือกตั้งประกอบกันดังที่พระราชบัญญัติดังกล่าวได้กล่าวถึงลักษณะและคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งไว้ในมาตรา 20 และมาตรา 20 ทวิทั้งนี้เพื่อให้ได้ตัวสมาชิกสภาเทศบาลที่เป็นบุคคลในท้องถิ่นซึ่งสามารถเข้ามามีสิทธิร่วมในการบริหารและพัฒนาท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากวัตถุประสงค์ดังกล่าวแล้วจึงเห็นว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลที่มีบิดาเป็นคนต่างด้าวจึงไม่จำต้องเป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีต่างไปจากการพิจารณาถึงสัญชาติของบุคคลที่มีบิดาเป็นคนต่างด้าวและอาจถูกถอนสัญชาติไทยได้ในบางกรณี ซึ่งในกรณีนั้นบิดาจะต้องเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายเพราะเป็นสถานะของบุคคลที่มีอยู่อย่างใดเป็นการเฉพาะตัวไม่มีผลกระทบถึงประโยชน์ของชุมชนหรือท้องถิ่นดังเช่นสิทธิในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาล หากถือว่าบิดาในกรณีนี้จะต้องเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้นแล้ว ผลที่ตามมาจะแปลกไปกล่าวคือถ้าจำเลยมีบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นคนต่างด้าว และไม่มีคุณสมบัติทางการศึกษา ตามมาตรา 20 ทวิ จำเลยจะไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ในทางเปรียบเทียบ ถ้าจำเลยมีบิดาไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นคนต่างด้าว ไม่ว่าจะมีคุณสมบัติทางการศึกษาตามมาตรา20 ทวิ หรือไม่ จำเลยกลับมีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเพราะถือว่าจำเลยเป็นคนสัญชาติไทยโดยการเกิดตามมาตรา 20 เหตุผลดังกล่าวแล้วจึงเป็นข้อสนับสนุนว่า “บิดา” ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. 2482 มาตรา 20 และมาตรา 20 ทวิหมายถึงทั้งบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย และบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแต่เนื่องจากศาลชั้นต้นยังมิได้วินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริงที่ว่านายง้วน แซ่เตียว บิดาของผู้คัดค้านเป็นคนต่างด้าวหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงดังกล่าว”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 และคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงว่า บิดาของผู้คัดค้านเป็นคนต่างด้าวหรือไม่แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี.

Share