คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2540

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ตามสัญญาเช่าเวลาจัดรายการโฆษณาสินค้าและบริการธุรกิจทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ข้อ5ระบุว่าถ้าผู้เช่าเวลาค้างชำระค่าเช่าเวลาผู้ให้เช่าเวลามีสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญาได้ทันทีและผู้เช่าเวลายอมชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ให้เช่าเวลาเป็นจำนวนเงินไม่น้อยกว่าค่าเช่าเวลา2เดือนและข้อ15ระบุถ้าผู้เช่าเวลาผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าเวลาหรือเงินค่าใช้จ่ายอื่นใดไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดผู้เช่าเวลายอมเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ15ต่อปีของเงินที่ค้างชำระให้แก่ผู้ให้เช่าเวลาจนครบถ้วนเห็นได้ว่าเงินค่าเสียหายตามสัญญาข้อ5เป็นเงินค่าเสียหายที่กำหนดขึ้นเมื่อมีการผิดสัญญาหาใช่เงินที่จำเลยที่1ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าเวลาหรือเงินค่าใช้จ่ายอื่นใดตามสัญญาข้อ15โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่1ใช้ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ15ต่อปีคงมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่1ใช้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5ต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา224เท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ทำสัญญาให้จำเลยที่ 1 เช่าเวลาของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จังหวัดขอนแก่น อุบลราชธานีลำปาง พิษณุโลก สุราษฎร์ธานี สงขลา ทำการออกอากาศระหว่างวันที่1 มกราคม 2534 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2534 โดยจำเลยที่ 1 ต้องชำระค่าเช่าเวลาล่วงหน้าทุกเดือนภายในวันที่ 25 ของเดือนมีจำเลยที่ 2เป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 จำนวนเงินไม่เกิน 84,000 บาท ต่อมาจำเลยที่ 1 ผิดนัดชำระค่าเช่าเวลาล่วงหน้าของเดือนพฤษภาคมและเดือนมิถุนายน 2534 แก่โจทก์ โจทก์ทวงถามบอกเลิกสัญญาแล้วจำเลยที่ 1 ต้องชำระค่าเช่าล่วงหน้าค้างชำระรวมเป็นเงิน 160,900บาท และชดใช้ค่าเสียหายตามสัญญาไม่น้อยกว่าค่าเช่าเวลา 2 เดือนเป็นเงิน 168,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 380,444.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 328,900 บาท และให้จำเลยที่ 2ชำระเงินจำนวน 89,782.19 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 84,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การและฟ้องแย้งว่า สัญญาตามฟ้องมีข้อตกลงเป็นลักษณะต่างตอบแทนคือ เมื่อจำเลยที่ 1 เช่าเวลาจัดรายการโทรทัศน์ในส่วนภูมิภาคทั้งหกเขต โจทก์จะนำรายการของจำเลยที่ 1 ออกอากาศในส่วนกลางที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 ให้ใช้ในช่วงเวลาเดียวกันเป็นการตอบแทน แต่ในเดือนมีนาคม 2534โจทก์ได้แพร่ภาพรายการของจำเลยที่ 1 ในส่วนกลางขาดไป 24 ครั้งและในเดือนเมษายน 2534 ขาดไปอีก 35 ครั้ง ถือได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยที่ 1 ได้บอกกล่าวให้โจทก์ปฏิบัติตามข้อตกลงแต่โจทก์เพิกเฉย จำเลยที่ 1 จึงบอกเลิกสัญญาแก่โจทก์ เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาจึงไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าเวลาที่ออกอากาศขาดไปและต้องคืนเงินค่าเช่าเวลาที่จำเลยที่ 1 ได้ชำระไปแล้ว จากการผิดสัญญาของโจทก์ทำให้ผู้สนับสนุนรายการของจำเลยที่ 1 บอกเลิกสัญญาโฆษณาสินค้า จำเลยที่ 1 เสียหาย ขอให้ยกฟ้องและขอให้บังคับโจทก์คืนเงินค่าเช่าเวลาเดือนมีนาคม 2534 จำนวน 50,400 บาท กับค่าเช่าเวลาเดือนเมษายน 2534 จำนวน 73,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ 1 เมษายน 2534และ 1 พฤษภาคม 2534 ตามลำดับจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลยที่ 1กับให้โจทก์ชำระค่าเสียหาย จำนวน 400,000 บาท แก่จำเลยที่ 1
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ค้ำประกันเฉพาะการเช่าเวลาของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 ไม่ใช่สัญญาเช่าเวลาในส่วนภูมิภาค นอกจากนั้นในเดือนมีนาคม 2534 โจทก์ยังปฏิบัติผิดสัญญาไม่นำรายการโทรทัศน์ของจำเลยที่ 1 ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 คงออกอากาศให้แต่ในส่วนภูมิภาคเท่านั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าเช่าเวลาขอให้ยกฟ้อง
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่เคยให้จำเลยที่ 1เช่าเวลาออกอากาศรายการทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11คงให้จำเลยที่ 1 เช่าเวลาเฉพาะในส่วนภูมิภาคเท่านั้น โจทก์ไม่เคยตกลงกับจำเลยที่ 1 ว่า โจทก์จะนำรายการของจำเลยที่ 1 ออกอากาศให้ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 จำเลยที่ 1เป็นฝ่ายผิดสัญญา ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 288,349.16 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 160,900 บาทนับถัดจากวันฟ้อง (วันที่ 29 มิถุนายน 2535) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระให้จำเลยที่ 2 ชำระแทนเป็นเงิน89,782.19 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน84,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ยกฟ้องแย้ง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินแก่โจทก์เพิ่มอีก 68,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีจากต้นเงิน 168,000 บาท นับถัดจากวันที่ 16 กรกฎาคม 2534 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่าโจทก์มีสิทธิได้ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงินค่าเสียหายจำนวน 168,000 บาท หรือไม่พิเคราะห์แล้วตามสัญญาเช่าเวลาจัดรายการโฆษณาสินค้าและบริการธุรกิจทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ สังกัดกรมประชาสัมพันธ์ เอกสารหมาย จ.8 ข้อ 5 ระบุว่า ถ้าผู้เช่าเวลาค้างชำระค่าเช่าเวลา ผู้ให้เช่าเวลามีสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญาได้ทันทีในกรณีนี้ (น่าจะเป็นในกรณีนี้) ผู้เช่าเวลายินยอมชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ให้เช่าเวลาเป็นจำนวนเงินไม่น้อยกว่าค่าเช่าเวลา2 เดือน และข้อ 15 ระบุว่า ถ้าผู้เช่าเวลาผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าเวลาหรือเงินค่าใช้จ่ายอื่นใดไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ผู้เช่าเวลายินยอมเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของเงินที่ค้างชำระให้แก่ผู้ให้เช่าเวลา จนกว่าผู้เช่าเวลาจะได้ชำระหนี้จนครบถ้วนตามสัญญา เห็นว่า เงินค่าเสียหายตามสัญญาข้อ 5 ดังกล่าวเป็นเงินค่าเสียหายที่กำหนดขึ้นเมื่อมีการผิดสัญญา หาใช่เงินที่จำเลยที่ 1ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าเวลาหรือเงินค่าใช้จ่ายอื่นใดตามสัญญาข้อ 15โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ใช้ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี คงมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ใช้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224เท่านั้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share