แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การนำทรัพย์ของนายจ้างไปใช้โดยปราศจากสิทธิโดยชอบเป็นการกระทำที่มุ่งแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบเป็นการทุจริตอยู่ในตัวจึงอยู่ในประเด็นที่จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่ คำให้การจำเลยได้ให้การถึงข้อเท็จจริงที่ละเอียดเพิ่มเติมจากคำสั่งเลิกจ้างว่าโจทก์ได้กระทำการใดที่เป็นการทุจริตเป็นการขยายความตามคำสั่งเลิกจ้างให้สามารถเข้าใจได้ชัดเจนมากขึ้นโดยมิได้มีส่วนใดขัดหรือแตกต่างจากคำสั่งเลิกจ้างแต่ประการใดจำเลยย่อมมีสิทธิโดยชอบที่จะสืบพยานตามข้อเท็จจริงที่ได้ให้การไว้และศาลแรงงานย่อมรับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวได้โดยชอบ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เคยเป็นลูกจ้างจำเลย ตำแหน่งที่ปรึกษาประธานกรรมการบริษัทจำเลย ค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 79,000 บาทกำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันสิ้นเดือน ต่อมาเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน2537 จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยที่โจทก์ไม่มีความผิด อันเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม และไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้าทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าชดเชย และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินทั้งหมดนับแต่วันเลิกจ้างเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์นำทรัพย์ของจำเลยไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมและไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47(1)รวมทั้งไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยตามฟ้องแก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ปัญหาที่โจทก์อุทธรณ์ว่าที่โจทก์นำทรัพย์ของนายจ้างไปใช้โดยมิได้รับอนุญาตหรือความยินยอมจากนายจ้างนั้นมิใช่การทุจริตต่อหน้าที่ แต่เป็นเพียงปฏิบัติที่ผิดระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือผิดคำสั่งของจำเลย ซึ่งมิได้ให้การต่อสู้ไว้ในคำให้การนั้น เห็นว่าการทำทรัพย์ของนายจ้างไปใช้โดยปราศจากสิทธิโดยชอบ เป็นการกระทำที่มุ่งแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบเป็นการทุจริตอยู่ในตัว ซึ่งจำเลยก็ได้ให้การต่อสู้ไว้เป็นประเด็นชัดแจ้งแล้ว
ส่วนปัญหาที่โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยยื่นคำให้การไม่ตรงกับคำสั่งเลิกจ้างตามเอกสารหมาย ล.12 และ ล.13 ซึ่งมิได้ระบุรายละเอียดในการกระทำทุจริตของโจทก์ว่าเป็นอย่างไรนั้น เห็นว่าคำให้การจำเลยได้ให้การถึงข้อเท็จจริงที่ละเอียดเพิ่มเติมจากคำสั่งเลิกจ้างว่า โจทก์ได้กระทำการใดที่เป็นการทุจริตเป็นการขยายความตามคำสั่งเลิกจ้างให้สามารถเข้าใจได้ชัดเจนมากขึ้นโดยมิได้มีส่วนใดขัดหรือแตกต่างจากคำสั่งเลิกจ้างแต่ประการใดจำเลยย่อมมีสิทธิโดยชอบที่จะสืบพยานตามข้อเท็จจริงที่ได้ให้การไว้และศาลแรงงานกลางย่อมรับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวได้โดยชอบ
พิพากษายืน