คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2481

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรณีที่ถือว่าฟ้องระบุเป็นความผิดฐานกรรโชก และฐานทำให้เสื่อมสเียอิศรภาพศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ส่งตัวจำเลยไปกักกันมีกำหนด 7 ปี จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ ฐานหลบหนี้จากที่คุมขัง และหลับหนีจากเขตต์ที่กำหนด และใช้วาจาขู่เข็ญ ด.และสามีให้สัญญาว่าจะให้เงินแก่จำเลย ถ้าไม่ให้จะมีอันตรายจน ด.รับสัญญาว่าจะให้ ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมายอาญา ม.๑๖๓,๑๗๐,๑๗๑,๒๖๘,๓๐๓,๗๑,๗๒
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยไม่มีผิดตามกฎหมายอาญา ม.๓๐๓ เพราะเจ้าทุกข์ไม่เคยรับสัญญาว่าจะให้ทรัพย์แก่จำเลย และจะลงโทษจำเลยตาม ม.๒๖๘ ก็ไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.๑๙๒ ตอน ๒ คงลงโทษจำเลยที่ ๒ ฐานหลบหนีที่คุมขังตาม ม.๑๖๓,๑๗๐,๑๗๑ รวม ๒ กะทง จำคุกกะทงละ ๖ เดือน เพิ่มโทษตาม ม.๗๒ อีก ๑ ใน ๓ ลดโทษตาม ม.๕๙ กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยที่ ๒ ๘ เดือน
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสรภาพนั้นรวมอยู่ในความผิดฐานกรรโชกตามประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.๑๙๒ วรรคท้าย ศาลลงโทษจำเลยตามที่พิจารณาได้ความก็ได้ ฉะนั้นจึงลงโทษจำเลยฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสรภาพได้จึงให้ลงโทษจำเลยฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสรภาพได้ จึงให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ ตาม ม.๒๖๘ อีก ๖ เดือนเพิ่มโทษตาม ม.๗๒ อีก ๑ ใน ๓
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาตัดสินว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าศาลลงโทษจำเลยฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสรภาพตาม ม.๑๙๒ ตอนท้ายแห่งประมวลวิธีพิจารณาความอาญา นั้นชอบแล้ว และที่ศาลพิพากษาให้ส่งตัวไปกันกัน ๗ ปีก็สมควรแล้ว จึงพิพากษายืน

Share