คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3572/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาซื้อขายมีความว่า ผู้ขายจะส่งมอบสิ่งของที่ซื้อขายให้แก่ผู้ซื้อ ณ กรมขนส่งทหารอากาศ ให้ถูกต้องและครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในสัญญา และสิ่งของที่ซื้อนั้นผู้ขายสั่งเข้ามาจากต่างประเทศในราคาที่ไม่รวมภาษีขาเข้าและภาษีอื่นๆ ทั้งสิ้น โดยมีเงื่อนไขที่ผู้ขายต้องปฏิบัติตามเกี่ยวกับการขอยกเว้นอากรศุลกากรขาเข้าว่า เมื่อศุลกากรปล่อยของแล้วให้ผู้ขายนำเก็บในคลังของผู้ซื้อทันที ห้ามนำเข้าไปเก็บในที่เก็บของผู้ขาย และการเปิดหีบห่อจะทำได้ต่อเมื่อผู้ซื้อยินยอมเท่านั้น เห็นได้ว่าเมื่อสิ่งของนั้นถูกส่งจากต่างประเทศมาถึงประเทศไทย ผู้ขายไม่มีโอกาสตรวจสอบความสมบูรณ์เรียบร้อยของสิ่งของก่อนส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อเลย ดังนี้ เมื่อผู้ขายนำสิ่งของไปส่งที่กรมขนส่งทหารอากาศย่อมถือได้ว่าผู้ขายส่งมอบสิ่งของที่ซื้อขายให้ผู้ซื้อแล้ว โดยหาจำต้องให้กรรมการตรวจรับของยอมรับไว้ใช้ในราชการเสียก่อนจึงจะถือว่าเป็นการส่งมอบตามสัญญาไม่
ส่วนข้อสัญญาที่ว่า ในกรณีที่ผู้ขายส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้อง หรือส่งมอบไม่ครบจำนวน ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ ถ้าไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบนั้น คำว่า “สิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบ”หมายถึงราคาสิ่งของส่วนที่ผู้ขายยังไม่ได้ส่งมอบเท่านั้น มิได้หมายถึงราคาสิ่งของที่ซื้อขายกันทั้งหมด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นส่วนราชการสังกัดจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1ทำสัญญาซื้อรถยนต์ซึ่งผลิตในประเทศอิสราเอลจากโจทก์ โจทก์ส่งมอบรถยนต์ให้จำเลยที่ 1 ครบถ้วนตามสัญญา ต่อมาจำเลยที่ 1 มีหนังสือแจ้งให้โจทก์จัดการเปลี่ยน แก้ไข และส่งมอบของอีกหลายรายการ โจทก์จัดการให้ครบทุกรายการแล้ว จำเลยที่ 1 มีหนังสือแจ้งโจทก์ว่าโจทก์ส่งมอบรถยนต์เกินกำหนดต้องถูกปรับ จำเลยที่ 1 ได้ชำระราคารถยนต์ให้โจทก์โดยหักไว้เป็นค่าปรับซึ่งเป็นการคำนวณค่าปรับที่ไม่ถูกต้อง เพราะคำนวณค่าปรับเต็มตามราคาซื้อขายจำเลยที่ 1 ควรคำนวณค่าปรับจากยอดสิ่งของที่โจทก์ยังส่งมอบไม่ครบโจทก์มีหนังสือขอให้จำเลยที่ 1 คำนวณค่าปรับใหม่ จำเลยที่ 1 ว่าไม่สามารถคำนวณค่าปรับตามที่โจทก์แจ้งได้เพราะขัดกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุฯขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์มิได้ส่งมอบรถยนต์ให้จำเลยที่ 1 ตามฟ้องเป็นเพียงแจ้งให้คณะกรรมการตรวจรับของของจำเลยที่ 1 ทำการตรวจเพื่อรับมอบเท่านั้น เมื่อคณะกรรมการตรวจรับของพบข้อบกพร่อง ฯลฯ โจทก์ก็ได้แก้ไขข้อบกพร่องเสร็จเรียบร้อยซึ่งคณะกรรมการได้รับรถยนต์ไว้ จำเลยที่ 1 คำนวณค่าปรับถูกต้องตามสัญญาและตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุฯ ขอให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลต่างหากจากจำเลยที่ 2สัญญาซื้อขายเป็นการกระทำระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ยกฟ้องจำเลยที่ 2

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญาซื้อขายข้อ 3 วรรคแรกมีความว่า “ผู้ขายสัญญาจะส่งมอบสิ่งของที่ซื้อขายตามสัญญาให้แก่ผู้ซื้อ ณ กรมขนส่งทหารอากาศภายใน 180 วัน ให้ถูกต้องและครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในข้อ 1 แห่งสัญญานี้”และตามสัญญาซื้อขายข้อ 1 ได้ความว่า โจทก์จะต้องสั่งรถยนต์เข้ามาจากประเทศอิสราเอลและการซื้อขายรายนี้โจทก์ขายในราคาที่ไม่รวมภาษีขาเข้าและภาษีอื่น ๆ ทั้งสิ้น เงื่อนไขที่โจทก์ต้องปฏิบัติเกี่ยวกับการขอยกเว้นอากรศุลกากรขาเข้าท้ายสัญญาข้อ 4 มีความว่า “เมื่อกรมศุลกากรปล่อยของแล้วให้นำเก็บในคลังของผู้ซื้อทันที ห้ามนำเข้าไปเก็บในที่เก็บของผู้ขาย และการเปิดหีบห่อจะทำได้ต่อเมื่อเจ้าหน้าที่ของผู้ซื้อยินยอมเท่านั้น” เห็นได้ว่าเมื่อรถยนต์ถูกส่งจากประเทศอิสราเอลมาถึงประเทศไทยแล้ว โจทก์ไม่มีโอกาสตรวจสอบความสมบูรณ์เรียบร้อยของรถยนต์ก่อนส่งมอบให้แก่จำเลยที่ 1แต่อย่างใดเลย เช่นนี้ เมื่อโจทก์นำรถยนต์ไปส่งที่กรมขนส่งทหารอากาศย่อมถือได้ว่าโจทก์ส่งมอบสิ่งของที่ซื้อขายให้จำเลยที่ 1 แล้ว ส่วนจำเลยที่ 1จะยอมรับไว้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง จะถือว่าต้องให้กรรมการตรวจรับของยอมรับไว้ใช้ในราชการเสียก่อนจึงจะนับว่าเป็นการส่งมอบตามสัญญาหาได้ไม่เพราะสัญญามิได้กำหนดไว้ชัดแจ้งเช่นนั้น สำหรับกรณีนี้ถือได้ว่าโจทก์ส่งมอบรถยนต์มให้แก่จำเลยที่ 1 ครบถ้วนแล้ว แต่ยังไม่ถูกต้องและครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายข้อ 1 ซึ่งปรากฏมีรายการที่เห็นได้ว่าการส่งมอบรถยนต์ของโจทก์ขาดตกบกพร่องไปในเรื่องเล็กน้อย ไม่มีความสำคัญถึงขนาดที่ว่า”ไม่สามารถใช้การได้ทั้งชุด” ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุพ.ศ. 2521 ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับสัญญาซื้อขาย (13) แต่อย่างใด ตามสัญญาซื้อขายข้อ 8 กำหนดไว้ว่า ในกรณีที่ผู้ขายส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องหรือมอบสิ่งของไม่ครบจำนวน ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ถ้าไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละศูนย์จุดสองของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบ นับแต่วันครบกำหนดสัญญาจนถึงวันที่ผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งให้แก่ผู้ซื้อจนถูกต้องครบถ้วนดังที่กำหนดไว้ในสัญญาข้อ 9 คำว่า “สิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบ” ตามสัญญาข้อ 9 ในกรณีนี้ต้องหมายถึงส่งมอบสิ่งของไม่ครบจำนวนตามสัญญาข้อ 8 หากจะหมายถึงราคาสิ่งของทั้งหมดแล้วก็ย่อมไม่เป็นธรรมแก่โจทก์ เพราะโจทก์ส่งมอบสิ่งของส่วนใหญ่ให้จำเลยที่ 1 แล้ว แต่ขาดตกบกพร่องไปเพียงเล็กน้อยโดยที่ยังมิได้รับค่าสิ่งของจากจำเลยที่ 1 เลย ด้วยเหตุดังกล่าวมาข้างต้น เห็นว่าส่วนที่จำเลยที่ 1มีสิทธิปรับโจทก์ได้ตามสัญญาก็คือส่วนที่โจทก์ยังไม่ได้ส่งมอบเท่านั้น

พิพากษายืน

Share