คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3570/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาจะยกขึ้นวินิจฉัยนั้น ต้องเกิดจากข้อเท็จจริงในกระบวนพิจารณาโดยชอบ มิใช่ข้อเท็จจริงนอกประเด็นนอกสำนวนที่จำเลยยกมากล่าวอ้างขึ้นใหม่ในชั้นอุทธรณ์และฎีกา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้สั่งให้โจทก์ซื้อหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ คือหุ้นบริษัทราชาเงินทุน ๒๐๐ หุ้น ราคาหุ้นละ ๑,๐๑๐ บาท โจทก์ได้ออกเงินทดรองไป ๒๐๒,๐๐๐ บาท และค่าธรรมเนียมอีก ๑,๐๑๐ บาท จำเลยจึงเป็นหนี้โจทก์ตามจำนวนดังกล่าว แต่จำเลยไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ ต่อมาโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาและให้จำเลยชำระหนี้ภายใน ๓ วัน แต่จำเลยไม่ชำระ โจทก์จึงเรียกเก็บเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่จำเลยจำนำไว้แก่โจทก์ นำมาหักหนี้ค่าซื้อหุ้นและค่าธรรมเนียม คงเหลือหนี้ที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์ ๑๓๔,๒๑๗.๖๒ บาท ขอให้ศาลพิพากษาบังคับ
จำเลยให้การต่อสู้คดีหลายประการและขอให้ศาลยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์ พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยได้กล่าวอ้างข้อเท็จจริงซึ่งไม่ปรากฏในสำนวนโดยอ้างเอกสารอันเป็นข้อเท็จจริงแนบมากับอุทธรณ์ เท่ากับกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่และขอให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อกฎหมายให้แก่ตนตามข้อเท็จจริงที่ยกขึ้นมานั้น เป็นอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๕ วรรคแรก ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยพิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้ออุทธรณ์และฎีกาของจำเลยมิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น จำเลยเพียงยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นอุทธรณ์และฎีกา จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์และฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๒๕ วรรคแรก และมาตรา ๒๔๙ วรรคแรก ที่จำเลยฎีกาว่าข้ออุทธรณ์และฎีกาของจำเลยเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาควรยกขึ้นวินิจฉัยนั้น เห็นว่า ข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาจะยกขึ้นวินิจฉัยนั้น ต้องเกิดจากข้อเท็จจริงในกระบวนพิจารณาโดยชอบ มิใช่ข้อเท็จจริงนอกประเด็นนอกสำนวนที่จำเลยยกมากล่าวอ้างขึ้นใหม่ในชั้นอุทธรณ์และฎีกาที่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share